พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยถึงแผนรับมือและมาตรการรองรับสถานการณ์น้ำที่อาจเกิดขึ้นว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์น้ำ และวางแผนบริหารจัดการน้ำสำหรับแก้ปัญหาระยะยาวอย่างยั่งยืนพร้อมให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.)บูรณการติดตามความก้าวหน้าการปฏิบัติงานตาม 8 มาตรการรองรับสถานการณ์ฤดูฝนปี 2563 ของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้
สำหรับแผนดังกล่าว ประกอบด้วย 1.การคาดการณ์พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วม 2.การปรับแผนเพาะปลูกพืชในพื้นที่ลุ่มต่ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา 3.จัดทำเกณฑ์บริหารจัดการน้ำของอ่างเก็บน้ำ 4.ตรวจสอบอาคารชลศาสตร์ ระบบระบายน้ำและสถานีโทรมาตรให้มีสภาพพร้อมงาน 5.ตรวจสอบสิ่งกีดขวางทางน้ำ 6.สำรวจแม่น้ำคูคลองและขุดลอกกำจัดผักตบชวา 7.เตรียมความพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือให้ความช่วยเหลือ และ 8.สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนได้รับรู้
จากการประเมินสถานการณ์ช่วงฤดูฝนปีนี้ หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมฉับพลัน จึงเร่งกรมชลประทานจัดทำแผนและมาตรการรับน้ำเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำบางระกำและพื้นที่ลุ่มต่ำ 12 ทุ่งในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง รองรับน้ำหลากให้แล้วเสร็จเดือนกรกฎาคมนี้ สำหรับทุ่งรับน้ำใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ ลำน้ำยัง จ.ร้อยเอ็ด และบางพลวง จ.ปราจีนบุรี ให้เตรียมพื้นที่ให้เสร็จปีต่อไป โดย เร่งจัดทำเกณฑ์บริหารจัดการอ่างเก็บน้ำ และเกณฑ์ระบายน้ำในส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จในเดือนมิถุนายนนี้
นอกจากนี้ ยังให้กรมชลประทานร่วมกับกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จัดทำเกณฑ์ระบายน้ำควบคุมระดับน้ำ สูบน้ำบริเวณประตูระบายน้ำในพื้นที่รอยต่อกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 13 แห่ง ให้ชัดเจน และกำหนดพื้นที่เฝ้าระวังและแผนป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ชั้นในกรุงเทพมหานคร ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนงานปรับปรุงสิ่งกีดขวางทางน้ำ ปี 2563 ให้แล้วเสร็จ ก่อนฤดูน้ำหลาก
พร้อมกันนั้น ให้ทำแผนงานส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จในปี 2565และให้ร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมเจ้าท่าและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เร่งกำจัดผักตบชวาในแม่น้ำสายหลักให้เสร็จในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อให้รองรับสถานการณ์ได้ทันเวลา และลดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“บิ๊กป้อม” สั่งด่วนกำจัดผักตบชวา“แม่น้ำท่าจีน”รับฤดูน้ำหลาก
ด้านนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สทนช.กล่าวว่า รองนายกฯ ห่วงใยปัญหาน้ำท่วมขังในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่มักประสบปัญหาระบายน้ำไม่ทัน ดังนั้น จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานภายใต้ กอนช.บูรณาการขับเคลื่อนแก้ปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ดังกล่าว โดยผลการปฏิบัติที่ผ่านมามีการขุดลอกคูคลองสองฝั่งถนนวิภาวดีรังสิต และคลองเชื่อมถนนวิภาวดีรังสิต ลงคลองเปรมประชากร ตั้งแต่เขตดอนเมืองถึงเขตดินแดง เสร็จสิ้นแล้ว ทำให้ระบายน้ำมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ส่วนสถานการณ์แล้ง บางพื้นที่ยังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ ได้เร่งพัฒนาธนาคารน้ำใต้ดินโดย สทนช.และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นเจ้าภาพหลัก มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำแผนพัฒนาบ่อบาดาล ตามหลักเกณฑ์ให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมกำหนดพื้นที่เก็บน้ำใต้ดินให้มากขึ้นและเพื่อให้การขับเคลื่อนเป็นรูปธรรม กอนช.มีมติเห็นชอบกรอบแนวทางแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน ภายใต้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยมีรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ซึ่ง สทนช.จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ต่อไป