“ทรัมป์” เซ็นคำสั่ง โทษจำคุก 10 ปี มือดีทำลายอนุสรณ์ประวัติศาสตร์

27 มิ.ย. 2563 | 09:10 น.

หลังจากเกิดการชุมนุมประท้วงทั่วประเทศเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อต่อต้านการเหยียดสีผิวและเรียกร้องการปฏิรูปวงการตำรวจของสหรัฐอเมริกา โดยในหลายพื้นที่ การชุมนุมได้ยกระดับกลายการเป็นการจลาจล มีการทุบทำลายอาคารและทรัพย์สินของรัฐบาล เป็นมูลเหตุให้ ประธานาธิบดี"ทรัมป์" เซ็น คำสั่งฝ่ายบริหาร วานนี้ (26 มิ.ย.) กำหนด โทษจำคุก 10 ปี สำหรับ ผู้ทำลายอนุสรณ์ประวัติศาสตร์ในสหรัฐ

 

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตเมื่อวันศุกร์ (26 มิ.ย.) ว่า เขาได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Order) เพื่อปกป้องอนุสาวรีย์และอนุสรณ์สถานต่าง ๆ ของสหรัฐ ซึ่งข้อความในคำสั่งดังกล่าวระบุว่า รัฐบาลกลางสหรัฐจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดกับบุคคลใด ๆ ก็ตามที่ทำลาย หรือสร้างความเสียหายให้กับอนุสาวรีย์ อนุสรณ์สถาน หรือรูปปั้นต่าง ๆ ทางประวัติศาสตร์ของสหรัฐ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ประธานาธิบดีทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะดำเนินการอย่างแข็งกร้าวกับบุคคลใด ๆ ก็ตาม ที่ทำลายหรือสร้างความเสียหายให้กับอนุสาวรีย์และอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ของสหรัฐ และได้ขู่ว่าจะใช้กำลังกับผู้ประท้วงบางคน ในขณะที่การเคลื่อนไหวต่อต้านความอยุติธรรมทางเชื้อชาติได้ขยายวงกว้างไปทั่วสหรัฐรวมทั้งต่างประเทศหลายประเทศ หลังการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันผิวสีในช่วงปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา

“ทรัมป์” เซ็นคำสั่ง โทษจำคุก 10 ปี มือดีทำลายอนุสรณ์ประวัติศาสตร์

ทรัมป์ได้ประกาศยกเลิกแผนการเดินทางไปยังรีสอร์ทสนามกอล์ฟของเขาในเมืองเบดมินสเตอร์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยเขาจะยังคงอยู่ในกรุงวอชิงตันเพื่อรับประกันว่า จะมีการบังคับใช้กฎหมายและคำสั่งเพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยในชุมชน

 

"ผู้วางเพลิง ผู้นิยมอนาธิปไตย ผู้ปล้นสะดม และผู้ก่อกวน ได้ยุติการกระทำส่วนใหญ่ลงแล้ว" ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุในทวิตเตอร์ "ผมจะทำสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้ชุมชนของเราปลอดภัย - และบุคคลเหล่านี้จะถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม!"         

“ทรัมป์” เซ็นคำสั่ง โทษจำคุก 10 ปี มือดีทำลายอนุสรณ์ประวัติศาสตร์

ทั้งนี้ สหรัฐมีกฎหมายว่าด้วยการสงวนรักษาอนุสรณ์สถานทหารผ่านศึกปี 2546 ซึ่งกำหนดโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปีสำหรับการทำลายหรือพยายามทำลายอนุสรณ์สถานที่รำลึกถึงผู้ที่เคยรับราชการในกองทัพสหรัฐ

 

ข่าวยังระบุว่า คำสั่งล่าสุดของประธานาธิบดีทรัมป์ยังจะระงับการสนับสนุนของรัฐบาลกลางสหรัฐต่อหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐและท้องถิ่นที่ไม่สามารถปกป้องอนุสาวรีย์หรืออนุสรณ์สถานต่าง ๆ ได้

 

ข้อมูลอ้างอิง