ต้องยอมรับว่าการระบาดของโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนหันมาดูแลและใส่ใจต่อสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพได้รับความนิยมตามไปด้วย ล่าสุด “โอสถสภา” ออกมาเปิดเผยตัวเลขว่า ผลิตภัณฑ์ซี-วิต เครื่องดื่มวิตามินซี 200% ได้รับความนิยมเพิ่มอย่างมาก ทำให้มียอดขายทะลุ 99 ล้านชิ้นในไตรมาส 2 และยังผลักดันให้ภาพรวมตลาดฟังก์ชันนอลดริงก์ (Functional Drink) เติบโตพุ่งสูงขึ้นด้วย
นางวรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศ เปิดเผยว่า ไตรมาส 1 แบรนด์ซี-วิตมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 31.3% ผลักดันให้ภาพรวมตลาดฟังก์ชันนอลดริงก์ในไตรมาสนี้เติบโต 16.1% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ดีแผนการเพิ่มกำลังการผลิตที่ได้เริ่มดำเนินการขยายฐานการผลิตเพิ่มที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้ทันกระแสตอบรับและความนิยมจากผู้บริโภค และคาดว่ายอดขายจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในไตรมาสหน้าด้วย
ล่าสุด Kantar บริษัทชั้นนำด้านข้อมูลเชิงลึกและที่ปรึกษาทางการตลาดระดับโลก ได้จัดอันดับ Thailand Brand Footprint 2020 ขึ้นโดยเครื่องดื่มซี-วิต ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ผู้บริโภค “เลือกซื้อมากที่สุด” ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) วิเคราะห์จาก 571 แบรนด์ และครอบคลุมผู้บริโภคทั่วประเทศไทย โดยซี-วิตเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคเลือกซื้อสูงถึง 11 ล้านครั้ง สูงขึ้น 5.8 ล้านครั้ง ในกลุ่มสินค้าประเภทเครื่องดื่ม
ด้านนายชิฮิโระ คุระตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮ้าส์ โอสถสภา ฟู้ดส์ จำกัด เจ้าของเครื่องดื่มวิตามินซีแบรนด์ซี-วิต กล่าวว่า การที่แบรนด์ซี-วิตได้รับความไว้วางใจและได้รับการจัดอันดับใน Thailand Brand Footprint 2020 ถึงสองปีซ้อน นับเป็นเครื่องยืนยันในคุณภาพของผลิตภัณฑ์และเป็นความสำเร็จอีกขั้นของแบรนด์ซี-วิตในประเทศไทย
ทั้งนี้บริษัทมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ ไปจนถึงผู้สูงอายุ โดยยังคงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์จากปริมาณวิตามินซี 200% และนอกจากซี-วิตในรูปแบบขวดแก้วแล้ว ยังมีรูปแบบกล่องที่พกพาสะดวก เจาะกลุ่มครอบครัวและเด็กๆ และยังได้มีการต่อยอด ขยายจากรูปแบบเครื่องดื่มสู่รูปแบบเจลลี่ ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด สามารถทานเป็นของว่างรองท้องระหว่างมื้อ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ต้องการดูแลสุขภาพได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบัน โอสถสภาดำเนินธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลัง เครื่องดื่มเกลือแร่ กาแฟพร้อมดื่ม และเครื่องดื่มที่มีการเติมส่วนผสมเพื่อให้ได้คุณสมบัติเฉพาะ 2. กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลของบริษัทฯ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กและผลิตภัณฑ์ความงามสำหรับผู้หญิง
และ 3. กลุ่มธุรกิจอื่นๆ อาทิ ยา ลูกอม และการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าให้แก่บุคคลภายนอกภายใต้สัญญากิจการร่วมค้าและสัญญาบริการผลิตสินค้า (OEM) ทั้งนี้ นอกจากการผลิตและจำหน่ายในประเทศแล้ว บริษัทมีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศต่างๆ ทั่วโลกรวม 29 ประเทศ