นายเฉลิมพล ปุณโณทก ประธาน บริษัทซีทีเอเซีย โรโบติกส์ จำกัด ผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ในประเทศไทย และผู้ผลิตหุ่นยนต์ “ดินสอ” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ตลาดหุ่นยนต์ของไทยกำลังเข้าสู่ยุคแมส และเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตในยุค New Normal ทั้งนี้ในช่วง
โควิด ที่ผ่านมาหุ่นยนต์ดินสอ มียอดการเติบโตขึ้นราว 20% โดยหุ่นยนต์ดินสอ ได้ถูกนำไปประยุกต์ใช้ช่วยบริการประชาชนคัดกรองวัดอุณหภูมิ ให้บริการผู้ป่วยในการส่งอาหารและยา วัดชีพจร ในสถานพยาบาล
หลังจากนี้จะเห็นธุรกิจหุ่นยนต์เป็นอนาคต โดยจะเห็นองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน อาคารสำนักงานต่างๆ นำหุ่นยนต์ดินสอ ไปใช้คัดกรองวัดอุณหภูมิแทนคนมากขึ้น และเห็นภาคธุรกิจนำหุ่นยนต์ดินสอไปใช้งานทางด้านบริการการขาย การรับออร์เดอร์กาแฟ อาหาร โดยขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบการนำหุ่นยนต์ดินสอไปใช้รับออร์เดอร์กาแฟอเมซอน
หุ่นยนต์ดินสอถูกพัฒนามาจนขณะนี้ถึงรุ่น 4 แล้ว ซึ่งปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ มีการเรียนรู้และมีความฉลาดมากขึ้น และมีความสามารถหลากหลาย โดยนอกจากการให้บริการออเดอร์อาหาร กาแฟแล้ว ช่วงโควิดที่ผ่านมาได้พัฒนาดินสอให้มีความสามารถในการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ขณะที่แนวโน้มราคาตํ่าลง 15-20% โดยขณะนี้หุ่นยนต์ดินสอขนาดเล็กมีราคาเริ่มต้น 65,000 บาท จากเดิม 85,000 บาท ส่วนหุ่นยนต์ดินสอขนาดใหญ่ ราคาลดลงเหลือ 600,000 บาท จากเดิม 1 ล้านบาท
นางศิวลี บูรณสงคราม หัวหน้าแผนกงานบริหารแบรนด์ บริษัทแอดวานด์ อินโฟ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่าวิถีชีวิตใหม่ หลังCOVID-19 เอไอเอสได้เห็นรูปแบบการให้บริการที่ยกระดับด้านความปลอดภัยและดูแลเรื่องสุขอนามัยที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มาใช้บริการ ตามมาตรการของภาครัฐอย่างเคร่งครัด เอไอเอส ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการนำศักยภาพเครือข่ายและเทคโนโลยี 5G โดยเฉพาะหุ่นยนต์ ที่พัฒนาโดยทีม AIS Robotic Lab เข้ามาร่วมสร้างมาตรฐานใหม่ในการพลิกฟื้นและเคียงข้างภาคธุรกิจและสังคมไทยอย่างยั่งยืน เพื่อให้ทุกภาคส่วนขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ด้วยวิถีชีวิตแบบปกติใหม่ New Normal เพื่อให้ลูกค้าและคนไทยใช้ชีวิตและทำกิจกรรมนอกบ้านได้อย่างผ่อนคลาย สร้างความอุ่นใจ ให้คนไทยบาลานซ์การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและปลอดภัย
โดยในช่วงโควิด เอไอเอส ได้ดำเนินการติดตั้ง 5G และส่งมอบหุ่นยนต์ทางการแพทย์ ROC ไปแล้ว 23 ตัว ใน 22 โรงพยาบาล ขณะที่ช่วงคลายล็อกดาวน์ เอไอเอส ผนึกพันธมิตร เซ็นทรัลเวิลด์, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์, เอสเอฟ, เดอะมอลล์ กรุ๊ป, เซ็นทรัล เอ็มบาสซี และ Thailand Mobile Expo 2020 นำหุ่นยนต์อัจฉริยะ ที่ทำงานบน LIVE Network 5G มาช่วยปฏิบัติหน้าที่ในการคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิ ลดการสัมผัสใกล้ชิด และป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 รอบสอง โดยขณะนี้มีการส่งมอบไปแล้ว 21 ตัว นอกจากนี้ยังมีหุ่นยนต์เสิร์ฟเครื่องดื่ม นำเทคโนโลยี 5G และหุ่นยนต์ 5G อัจฉริยะ “MAX” พนักงานเสิร์ฟสุดไฮเทค ทำหน้าที่ จัดการคิว เสิร์ฟเครื่องดื่ม และสอบถามความพึงพอใจของลูกค้าที่ร้าน AIS 5G Cafe ป๊อปอัพคาเฟ่
หน้า 11 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3593 วันที่ 22-25 กรกฎาคม 2563