นางสาวเนตรนภา ศรีสมัย กรรมการผู้จัดการ สตาร์บัคส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า “จากสถานการณ์โรคระบาดที่ผ่านมา ทุกคนต่างต้องปรับตัวกับรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป โดยคำนึงถึงสุขอนามัยและความปลอดภัยเป็นหลักสำคัญ ในทศวรรษใหม่นี้ เราเชื่อว่าผู้คนยังคงโหยหาการพบปะพูดคุย และการมีส่วนร่วมในชุมชน ในรูปแบบที่ปลอดภัย สะดวกสบาย ไว้วางใจได้ ธุรกิจสตาร์บัคส์ซึ่งเป็น People Business Serving Coffee ก็ได้มีการปรับตัวเพื่อตอบสนองกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เราให้ความสำคัญต่อสุขภาพของพาร์ทเนอร์และลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่ง เมื่อพาร์ทเนอร์มีสุขภาพดี ก็สามารถร่วมกันรังสรรค์กาแฟและเครื่องดื่มคุณภาพเยี่ยม และสามารถส่งต่อ ประสบการณ์สตาร์บัคส์ ที่อบอุ่นให้กับลูกค้าทุกท่าน ร้านสตาร์บัคส์เองก็ยังเป็นเสมือน Third Place ของลูกค้า ด้วยรูปแบบร้านที่หลากหลายเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่แตกต่างกันไป และที่สำคัญคือ ความพร้อมที่จะเดินหน้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบเพื่อตอบรับการความต้องการของลูกค้าทุกท่าน”
สำหรับในทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ สตาร์บัคส์ มีแผนดำเนินงานด้วยกลยุทธ์ 3 ด้านหลัก ดังนี้ 1. การให้ความสำคัญในด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของพาร์ทเนอร์ ลูกค้า และสังคม – สตาร์บัคส์ได้มีการดูแลพาร์ทเนอร์ (พนักงาน) ด้วยการทำประกันสุขภาพโควิด-19 และจัดตั้งกองทุนเพื่อพาร์ทเนอร์ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย อีกทั้งจะยังคงมาตรการสุขอนามัยภายในร้านค้ากว่า 400 สาขาในประเทศต่อไป เพื่อความปลอดภัยของทั้งพาร์ทเนอร์และลูกค้า นอกจากนี้ สตาร์บัคส์ จะยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นร้านกาแฟสีเขียว ด้วยการรังสรรค์เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและย่อยสลายได้ 100%
2. Third Place (บ้านหลังที่ 3) – สตาร์บัคส์ได้ดำเนินการด้วยแนวคิด Third Place หรือการเป็นบ้านหลังที่สามของลูกค้า(ระหว่างบ้านและที่ทำงาน) มาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อก้าวสู่ทศวรรษใหม่กับไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่เปลี่ยนแปลง นิยามของ Third Place จึงมีหลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่การนั่งดื่มกาแฟที่ร้าน (Sit and Stay) แบบคลาสสิค ลูกค้ายังสามารถรื่นรมย์กับ ประสบการณ์สตาร์บัคส์ และเครื่องดื่มแก้วโปรดในรูปแบบของการซื้อกลับบ้าน (On the go) หรือแบบไดรฟ์ทรูว์ (Drive-through) และในช่องทางเดลิเวอรี่ (Delivery) ผ่านพันธมิตรอย่าง Grab Foodpanda และ LINE MAN ที่ช่วยอำนวยความสะดวกทั้งในช่วงโรคระบาดและหลังสถานการณ์นี้ได้เป็นอย่างดี
3. Go digital (เดินหน้าสู่ยุคดิจิทัล) – ดิจิทัลได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบ ประสบการณ์สตาร์บัคส์ ตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในปัจจุบัน นอกเหนือจากการอัพเดทข้อมูลข่าวสารทาง Facebook Instagram และ LINE Official Account @StarbucksThailand แล้ว สตาร์บัคส์ ยังได้ยกระดับโปรแกรมสมาชิก Starbucks® Rewards ให้รองรับการใช้งาน และและการเติม/ชำระเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless payment) ผ่านทางแอปพลิเคชั่น
อย่างไรก็ตามปัจจุบัน สตาร์บัคส์ (ประเทศไทย) มีร้านสาขากว่า 400 แห่งทั่วประเทศ มีผู้ติดตามทาง Facebook 1.6 ล้านคน ผู้ติดตามทาง Instagram 320,000 คน และมีสมาชิก Starbucks® Rewards 1.5 ล้านคน