นายสมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลพิจารณาขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 9% ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น 1.2 แสนล้านบาท มาใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะหากรัฐจะหวังใช้เงินกู้อย่างเดียวอาจทำให้เกิดปัญหาการเงินการคลังได้ในไม่ช้า เพราะในปี 2564 คาดว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีจะสูงเกิน 60% ต่อจีดีพี ซึ่งเกินกว่ากฎหมายวินัยการเงินการคลังที่กำหนดไว้
"เดือน ม.ค. นี้ รัฐบาลต้องขึ้นภาษี เพราะไม่เช่นนั้นจะตายกันหมดเงินของประเทศไม่มีแล้ว จะกู้เงินอย่างเดียวประเทศก็พังเพราะหนี้สูงจนไม่มีเงินชำระหนี้ ซึ่งคนเข้าใจผิดว่าเศรษฐกิจไม่ดีไม่ควรขึ้นภาษี เพราะการเก็บภาษีมา รัฐบาลก็ใช้ออกไปเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และรัฐบาลไม่ต้องกลัวว่าขึ้นภาษีจะเสียคะแนนนิยมเพราะตอนนี้ก็ไม่มีใครนิยมรัฐบาลอยู่แล้ว โดยรัฐบาลต้องแก้วิกฤตเศรษฐกิจแบบฉีกแนว ทำแบบเดิมไม่มีอะไรดีขึ้น ผมคิดว่านายกไม่กล้าทำ แต่ก็ต้องบอกนายกว่าถ้าไม่ทำ ประเทศก็อยู่ไม่ได้"
นอกจากนี้ รัฐบาลควรลดรายจ่ายประจำ เช่น การลดเงินเดือนข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่ตอนนี้มีจำนวนคนมากกว่างาน แต่ยังไม่ต้องลดคนเหมือนกับบริษัทเอกชน ที่ตอนนี้มีการลดรายจ่ายส่วนใหญ่มีการลดเงินเดือนพนักงานไปแล้วไม่น้อยกว่า 25%
นายสมหมาย กล่าวว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการเก็บภาษีจากทรัพย์สิน การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่ควรลดภาระจาก 100% เหลือ 10% ทำให้รายได้ของท้องถิ่นที่คาดว่าจะเก็บได้มากกว่า 1 แสนล้านบาท คาดว่าปีนี้จะเก็บได้ไม่ถึง 2 หมื่นล้านบาท และควรปรับปรุงการเก็บภาษีมรดกที่ปัจจุบันการเก็บภาษีได้ปีหนึ่งร้อยกว่าล้านบาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำมาก เพราะมีการแก้ไขกฎหมายทำให้การเก็บภาษีไม่ได้