กรณีคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากการระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 (ศบศ.) มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการ"ช้อปดีมีคืน" โดยให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีภาษี 2563 สำหรับค่าซื้อสินค้าและบริการให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 30,000 บาท มีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.-31 ธ.ค.63 แต่มีเงื่อนไขว่าประชาชนได้ใช้สิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการ"คนละครึ่ง" แล้วจะไม่สามารถใช้สิทธิ์มาตรการช้อปดีมีคืนได้
อย่างไรก็ตามมาตรการช้อปดีมีคืนหลายคนเข้าใจว่าเมื่อซื้อสินค้า 30,000 ตามเงื่อนไขที่รัฐบาลกำหนดแล้วจะได้คืนภาษี 30,000 บาท ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เพราะเงินภาษีจะได้คืนมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเงินได้และอัตราภาษีที่แต่ละคนจะต้องจ่ายด้วย โดยผู้ที่มีรายได้เฉลี่ยเดือนละไม่เกิน 25,833.33 หรือเงินได้สุทธิ(หักค่าลดหย่อน)ทั้งปีไม่เกิน 150,000 บาท จะไม่ได้รับสิทธิ์คืนภาษีจากมาตรการช้อปดีมีคืน เพราะกลุ่มนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว
ข้อเท็จจริงการให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีภาษี 2563 ตามจำนวนเงินที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 30,000 บาท จากมาตรการช้อปดีมีคืน เมื่อคำนวณจากเงินได้สุทธิต่อปี อัตราภาษีที่ผู้เสียภาษีแต่ละคนต้องจ่าย พบว่าผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแต่ละกลุ่มจะมีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุดดังนี้
- เงินได้สุทธิต่อปี 0-150,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี ไม่ได้สิทธิ์คืนภาษี
- เงินได้สุทธิต่อปี 150,001-300,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 5% สิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 1,500 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 300,001-500,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 10% สิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 3,000 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 500,001-750,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 15% สิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 4,500 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 750,001-1,000,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 20% สิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 6,000 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 1,000,001-2,000,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 25% สิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 7,500 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 2,000,001-5,000,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 30%สิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 9,000 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 5,000,001 บาทขึ้นไป อัตราภาษีเงินได้ 35% สิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 10,500 บาท
มาตรการช้อปดีมีคืน
ระยะเวลาดำเนินการ
- ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.-31 ธ.ค.63
- ใช้ลดหย่อนภาษีในปีภาษี 2563 ณ เดือน มี.ค.64
กลุ่มเป้าหมาย
- ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- กลุ่มผู้ประกอบการประเภทผู้ค้าสินค้าและบริการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ผู้ประกอบการขายหนังสือและสินค้า OTOP
เงื่อนไขโครงการ
- ซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนฯ
- ลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง รวมแล้วไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน
- ประชาชนที่ใช้สิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือโครงการคนละครึ่งแล้ว ไม่สามารถใช้สิทธิได้
สามารถซื้อสิ้นค้าและบริการได้ทั้งหมด ยกเว้นบางรายการ ดังนี้
- ค่าซื้อสุรา เบียร์ ไวน์
- ค่าซึ้อยาสูบ
- ค่าน้ำมัน และก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ
- ค่าซื้อรถยนต์ รถจักยานยนต์ และเรือ
- ค่าซื้อหนังสือพิมพ์ และนิตยสาร
- ค่าบริการหนังสือพิมพ์ และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
- ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการนำเที่ยวตามกฏหมายว่าด้วยธุรกิจและมัคคุเทศก์
- ค่าบริการที่ได้จ่ายเป็นค่าโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฏหมายว่าโรงแรม