นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสิน ออกสินเชื่อ SME มีที่ มีเงิน เตรียมวงเงินสูงถึง 1 หมื่นล้านบาท ไว้ช่วยผู้ประกอบการให้สามารถนำโฉนดที่ดินมาเป็นหลักประกันการกู้เงิน โดยบุคคลธรรมดากู้ได้สูงสุด 10 ล้านบาท และเอสเอ็มอีที่เป็นนิติบุคคล กู้ได้สูงสุดถึง 50 ล้านบาท เพื่อนำไปเสริมสภาพคล่องกิจการ หรือนำไปไถ่ถอนจากสัญญาที่ขายฝากไว้ โดยต้องเป็นสัญญาที่ทำขึ้นหลังวันที่ 1 ม.ค. 2563 เป็นต้นมาเท่านั้น เพื่อช่วยผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้ไม่ต้องพึงการขายฝาก หรือกู้นอกระบบ
สำหรับแนวทางการปล่อยกู้ จะพิจารณาให้กู้ได้ถึง 70% ของราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์ และไม่พิจารณาภาระผู้กู้และไม่วิเคราะห์รายได้ โดยจะดูแค่หลักทรัพย์ที่เป็นที่ดินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งธนาคารจะคิดดอกเบี้ย 5.99% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา และผู้กู้สามารถนำเงินต้นมาไถ่ถอนที่ดินคืนได้เมื่อพร้อมภายในระยะเวลา 3 ปี โดยระหว่างนี้ ผู้กู้สามารถจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยไปก่อนได้ จนกว่าจะมีรายได้เข้ามาเพียงพอชำระเงินต้น โดยจะให้บริการจนถึง 30 มิ.ย.2564 ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ
“ที่ผ่านมาเอสเอ็มอีมักถูกเอาเปรียบ จากการเก็บดอกเบี้ยที่สูงกว่ากฎหมายกำหนดที่ 15% อยู่เป็นจำนวนมาก โดยบางราย เก็บสูงถึง 20-30% ต่อปี และยังถูกหักดอกเบี้ยไว้ตั้งแต่แรกด้วย ซึ่งในส่วนของออมสิน จะเก็บต่ำ เพียง 5.99% และไม่มีการหักดอกเบี้ยล่วงหน้า ส่วนการชำระหนี้ หาก 3 ปีแล้วยังชำระเงินต้นไม่ได้ ธนาคารก็พร้อมเปิดให้เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ หรือขอสินเชื่อประเภทอื่นไปทดแทนได้ หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไข ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีเอสเอ็มอีไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย เข้าร่วมโครงการ”นายวิทัย กล่าว
นายวิทัย ยังกล่าวอีกว่า หลังจากเปิดโครงการ SME มีที่ มีเงิน แล้ว ธนาคารมีแผนจะช่วยกลุ่มฐานรากเพิ่มเติม เช่น โครงการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาหาผู้ร่วมทุนจำนวน 8 ราย อยู่ ซึ่งจะมีการคัดเลือกผู้ร่วมทุนให้เหลือเพียง 1 ราย โดยน่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 เดือนนี้และเริ่มให้จำนำทะเบียนได้ในไตรมาสที่ 1 ปีหน้า ซึ่งธนาคารมีเป้าหมายจะกดอัตราดอกเบี้ยจำนำทะเบียนให้เหลือ 18% จากปัจจุบันที่ 24%
ขณะเดียวกันจะมีการเปิดโครงการสมุย โมเดล ที่จังหวัด สุราษฎร์ธานี ในวันที่ 8-9 ธ.ค.2563 นี้ เพื่อช่วยแก้ปัญหาทางการเงินให้กับผู้ประกอบการและประชาชนตามแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยจะเป็นโครงการนำร่องในการช่วยเหลือทางการเงินให้กับคนในพื้นที่แบบครบวงจร ทั้งการเพิ่มสภาพคล่อง การให้สินเชื่อ การสร้างงาน สร้างรายได้ ซึ่งหากประสบความสำเร้๗ก็จะขยายไปยังแหลางท่องเที่ยวอื่นด้วย