ไทยเบฟเวอเรจ ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (The Dow Jones Sustainability Indices -DJSI) ประเภทกลุ่มดัชนีโลก (World Index) และประเภทดัชนีตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market Index) ประจำปี 2563 และได้รับการจัดอันดับ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่มต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ทำให้ปีนี้ไทยเบฟ ได้รับการคัดเลือกและจัดลำดับให้เป็นสมาชิกของ DJSI World Index เป็นปีที่ 4 และ DJSI Emerging Market Index เป็นปีที่ 5 ทั้งนี้แผนงานต่อไปของไทยเบฟยังคงเดินหน้าน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy – SEP) ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร และ พระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
เพื่อจะสืบสาน รักษา และต่อยอด เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนพร้อมทั้งยึดถือเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ประการขององค์การสหประชาชาติมาปรับใช้เป็นแนวทางในการกำหนดเป้าหมาย และเป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงการดำเนินธุรกิจด้วยการสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโตสู่สังคมไทย ด้วยการคำนึงถึงการพัฒนาที่ยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เริ่มจากการอนุรักษ์น้ำและทรัพยากรธรรมชาติไปจนถึงกระบวนการผลิตที่คำนึงความพอเพียง และยังมีอีกหลากหลายกิจกรรมที่สร้างความยั่งยืนให้แก่สังคมไทยโดยรวม นับเป็นการสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต ทั้งหมดนี้เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ และพันธกิจขององค์กรที่มุ่งไปสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่ใส่ใจด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตลอดระยะเวลาบนเส้นทางธุรกิจเครื่องดื่มไทยเบฟให้ความใส่ใจในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความยั่งยืน ทั้งด้าน สิ่งแวดล้อม สังคมและวัฒนธรรม รวมถึงเศรษฐกิจ สำหรับไทยเบฟ การพัฒนาห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) เป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่จะส่งผลสำเร็จทางธุรกิจ เริ่มตั้งแต่การจัดซื้อจัดหา ไปจนถึงการบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภค ไทยเบฟนำเทคโนโลยีทางด้านดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินธุรกิจแทบทุกกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นการประเมินความยั่งยืนด้านน้ำ การบริหารจัดการกระบวนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การพัฒนาบุคลากร คู่ค้าและพันธมิตรของไทยเบฟ
สำหรับในปีนี้ไทยเบฟยังต่อยอดแนวทางการสร้างความยั่งยืนผ่านการสร้างแพลตฟอร์ม “Thailand Sustainability Expo (TSX) 2020” ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์ความร่วมมือครั้งสำคัญขององค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนของประเทศไทยที่มาร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นการสร้างประสบการณ์ที่ทำให้ผู้ร่วมงานเกิดแรงบันดาลใจในการร่วมมือกันเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง ถือเป็นโอกาสที่ทุกคนมาช่วยกันผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยกัน เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อโลกตามแนวคิด “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก”
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ เป็นการตอกย้ำความพร้อมถึงศักยภาพความเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนอย่างมั่นคงและยั่งยืน เพื่อตอบสนองความต้องการในทุกช่วงเวลาอันมีค่าของผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการสร้างประโยชน์ต่อสังคมผ่านโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่องตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต ยกระดับความยั่งยืน นำความภาคภูมิใจของคนไทยไปสู่ระดับโลก