คลัง คาด นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้าไทยปีหน้า 8 ล้านคน ดันเศรษฐกิจโต 4-4.5%

02 ธ.ค. 2563 | 04:36 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ธ.ค. 2563 | 08:30 น.

รมว.คลัง เชื่อ ปีหน้านักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้าไทย 8 ล้านคน ดันเศรษฐกิจโต 4-4.5% พร้อมขยายคนละครึ่งอีก 3 เดือน ฟื้นกำลังซื้อในประเทศ

                  นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าในปีหน้า สถานการณ์โควิด-19 จะดีขึ้น ซึ่งหากไทยสามารถควบคุมและดูแลการแพร่ระบาดในประเทศได้เป็นอย่างดี ก็จะเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้อย่างระมัดระวังเข้มข้น ก็จะทำให้ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประมาณ 8 ล้านคน และจำเพิ่มขึ้นเป็น 16 ล้านคนในปี 2565 เป็น32 ล้านคนในปี 2566 และเป็น 40 ล้านคนเต็มศักยภาพที่เคยทำได้ในปี 2567 ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจไทยในปีหน้าขยายตัวกลับมาเป็นบวกที่ 4.-4.5% ได้

                อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องเดินหน้าในการเพิ่มกำลังซื้อในประเทศต่อเนื่อง ด้วยการขยายอายุมาตรการคนละครึ่งออกไปอีก 3 เดือน หรือถึงเดือนมี.ค.2564 เพราะยังเห็นสัญญาณการแผ่วตัวของกำลังซื้อในประเทศในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีหน้าอยู่ ประกอบกับโครงการเราเที่ยวด้วยกันมีผลกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศเพียงครึ่งหนึ่งของการเติบโตการท่องเที่ยวในประเทศปกติที่อยู่ที่ 6% ของจีดีพี ดังนั้นจึงต้องยังคงให้ความสำคัญกับการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศอย่างต่อเนื่องต่อไป

 

               “รายได้จากการท่องเที่ยวของต่างชาติที่เข้ามาในไทยมีสัดส่วน 12% ของจีดีพี ขณะที่ท่องเที่ยวภายในประเทศคิดเป็น 6% ของจีดีพี ซึ่งที่ผ่านมาโครงการเราเที่ยวด้วยกันมีผลกระตุ้นแค่ครึ่งหนึ่งของ 6% เท่านั้น ดังนั้นหากมีการเปิดประเทศ แต่ยังคงระมัดระวัง ก็จะทำให้ไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวดังกล่าวมากขึ้น”นายอาคม กล่าว

               ส่วนรัฐบาลจะขยายทั้งโครงการคนละครึ่ง และโครงการเราเที่ยวด้วยกันออกไปจนถึงสิ้นปี 2564 หรือไม่นั้น นายอาคม กล่าวว่า ขอดูเป็นรายไตรมาสก่อนว่าสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วหรือไม่ และการเติบโตของทุกภาคส่วนเป็นอย่างไร รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ด้วย ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเป็นผู้พิจารณาเอง ส่วนการตั้งกองทุนพยุงการท่องเที่ยวนั้น เป็นข้อเสนอของภาคเอกชน ที่รัฐบาลพร้อมรับพิจารณา ซึ่งยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการหารือกัน

 

               ขณะที่เรื่องการให้ซอฟต์โลนกับธุรกิจสายการบิน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการจากผลกระทบโควิด-19 นั้น อยู่ระหว่างการหารือ ซึ่งที่ผ่านมาสายการบินได้มีการปรับเงื่อนไขต่างๆ เพื่อให้สามารถเข้าโครงการขอฟอฟต์โลนได้ ให้พิจารณาแล้ว แต่ได้ให้กลับไปเพิ่มเติมในรายละเอียดบางส่วนอยู่ จึงยังไม่มีความคืบหน้าในขณะนี้

                นายอาคม ยังกล่าวว่า แม้คาดการณ์เศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาเป็นบวกได้ในปีหน้า แต่เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดำเนินนโยบายการเงินและการคลังจะต้องสอดประสานกัน เพื่อร่วมกันกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะหากนโยบายการเงินไม่เอื้อ​ เศรษฐกิจก็ไปไม่ได้​ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจต้องการการฟื้นฟู จำเป็นจะต้องมีสภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อเอื้อต่อภาคเอกชน​ และเมื่อรัฐบาลใช้จ่ายเงินลงไป​ เม็ดเงินต้องอยู่ในระบบ​ นโยบายการเงินจะเริ่มเข้มงวดไม่ได้​ เพราะการฟื้นตัวต้องใช้เวลา