นางนาดีน อัลเลน ประธานบริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เทคโนโลยี 5G ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยีของภาคอุตสาหกรรมหรือเอนเตอร์ไพรส์เท่านั้น แต่ 5G จะเข้ามาสร้างประสบการณ์การใช้งานในฝั่งของผู้บริโภค จะเห็นว่าผู้บริโภคในปัจจุบันมีดีมานด์การใช้อินเตอร์เน็ตที่มีความเร็วสูง ความหน่วงตํ่า ซึ่งในปี 2568 คาดว่า 60% ของประชากรทั่วโลกจะสามารถเข้าถึงเครือข่าย 5G โดยมีจะมีผู้ใช้สูงถึง 3.5 พันล้านราย และมีปริมาณดาต้าอินเตอร์เน็ต 5G เกินกว่า 50% ของปริมาณดาต้าทั้งหมด สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย เทคโนโลยี 5G จะกลายเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองรองจาก LTE โดยมียอดผู้ใช้งานกว่า 380 ล้านราย หรือคิดเป็น 32% ของจำนวนผู้ใช้มือถือทั้งหมด
ขณะที่ในอีก 10 ปีหรือปี 2573 มูลค่าของรายได้ที่จะเกิดจากเทคโนโลยี 5G ในส่วนของผู้บริโภค จาก 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะเพิ่มเป็น 3.24 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯโดยรายงาน “Harnessing the 5G Consumer Potential” จากอีริคสัน คอนซูเมอร์ แลป คาดการณ์ว่าในปี 2573 ตลาด 5G ของผู้บริโภคทั่วโลกจะมีมูลค่าราว 31 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSPs) จะสร้างรายได้จากการให้บริการ 5G สูง3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โอเชียเนียและอินเดียจะสร้างรายได้จากกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้เครือข่าย 5G รวมอยู่ที่ 2.97 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นางนาดีน กล่าวต่อไปว่า ก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้คนมีการใช้งานอินเตอร์เน็ตบนมือถือโดยใช้จ่ายมากขึ้น 20% เพื่อให้ได้อินเตอร์เน็ตที่ดีขึ้น แต่โควิดทำให้ความต้องการใช้งานตรงนี้ลดลงเนื่องจากเงินในกระเป๋าหายไป แต่อย่างไรก็ตามหลังจากการแพร่ระบาดของโควิดความต้องการในการใช้บริการเหล่านี้ก็จะกลับมามากขึ้น ดังนั้นจึงต้องกระตุ้นให้ภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการเข้ามาเร่งพัฒนา 5G อย่างมีความกระตือรือร้น เพราะในอนาคตอาจจะนำมาซึ่งรายได้ และบริการที่ดีกว่าสำหรับผู้บริโภค เพราะในตลาดยังมี Early Adopters ที่ยินดีจะจ่ายเพื่อให้ได้ใช้งานได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่นiPhone 12 ที่มีคนจองเยอะมากและซื้อมาใช้แล้ว
“ผู้ประกอบการที่เข้ามาให้บริการเร็วเท่าไหร่ ก็จะได้ประโยชน์จากส่วนแบ่งการตลาดที่มากกว่าคู่แข่งที่มาทีหลัง 5G ในฝั่งของผู้บริโภคนั้นยังเป็นตลาดที่มีโอกาส ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็ควรมองหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อให้สามารถเข้าถึงส่วนแบ่งการตลาด ที่คาดว่าจะสูงถึง 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะมาจากการให้บริการ 5G”
อย่างไรก็ตามอัตราการเติบโตของรายได้ในส่วนของบริการดิจิทัล (Digital Service) ในปี 2573 นั้นจะมาจากการถ่ายทอดสดกีฬา 165%, VR 134% AR 85% ขณะที่ในปี 2568 รายได้ส่วนใหญ่จะมาจากวิดีโอที่เติบโตถึง 297%, เพลง 208%, คลาวด์ เกมมิ่ง 39% และในปี 2573 รายได้ในส่วนของวิดีโอสูงถึง 1,030%, เพลง 206%, คลาวด์ เกมมิ่ง 107% และ 79% ของรายได้ที่เกิดจากบริการดิจิทัลบนเครือข่าย 5G ทั้งหมดจะมาจากวิดีโอและเพลงที่มีความคมชัด
นอกจากนี้รายได้ที่เกิดจากดิจิทัลราว 1.79 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นรายได้จาก 5G อยู่ที่ 7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเป็นรายได้จากการให้บริการของโอเปอเรเตอร์อยู่ที่ 3.44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้สำหรับภาคอุตสาหกรรมที่จะมี การเติบโตของรายได้ที่มาจากเทคโนโลยี 5G เพิ่มขึ้นนั้นได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ และพลังงาน โดยเป็นรายได้ในส่วนของผู้ให้บริการ 5G ทั้งหมดอยู่ที่ 850 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโตสูงถึง 40% ในปี 2567
: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,633 หน้า 16 วันที่ 6 - 9 ธันวาคม 2563