“ของขวัญปีใหม่” คือ ภารกิจประจำทุกก่อนสิ้นปีของรัฐบาลทุกยุค ที่จะต้องจัดหนักจัดเต็มมาตรการ โครงการต่างๆ เพื่อส่งมอบความสุขให้ประชาชน
รัฐบาลลุงตู่ก็เช่นกัน สั่งการให้แต่ละหน่วยงาน กระทรวงคิดมาตรการ “โครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2564 ให้แก่ประชาชน” โดยมีการทำหนังสือเวียนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แจ้งไปยังทุกกระทรวง
โดยสรุป หนังสือเวียนระบุว่า ให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐเร่งพิจารณาแผนงาน/โครงการในความรับผิดชอบ ที่สมควรจะดําเนินการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2564 ให้แก่ประชาชนดังเช่นทุกปีที่ผ่านมา และให้นําเสนอแผนงาน/โครงการดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อพิจารณาความเหมาะสมและสอดคล้อง ในภาพรวม โดยแผนงาน/ โครงการดังกล่าวจะต้องสามารถดําเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติต่อไปได้ทัน ในช่วงเวลาปีใหม่ด้วย
ซึ่งมาตรการ โครงการที่ค่อยๆ ทยอยพิจารณา อนุมัติออกมาเป็นของขวัญก่อนหน้านี้ มีหลายเรื่อง อย่างเช่น “ช้อปดีมีคืน” ที่สามารถใช้เป็นค่าลดหย่อนได้ ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท สำหรับค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ ระหว่าง 23 ต.ค.-31 ธ.ค. 2563
แต่คนที่ใช้มาตรการช้อปดีมีคืนไม่ได้ ก็มีอีกของขวัญ คือ “มาตรการคนละครึ่ง ระยะที่สอง” ที่สานต่อคนละมาตรการคนละครึ่งระยะแรก คือ รัฐบาลร่วมจ่าย 50% แต่ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน เปิดให้อีก 5 ล้านคน ได้ลงทะเบียนรับสิทธิเพิ่มเติม ระยะเวลาการใช้เงินตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2564 จะได้รับวงเงินคนละ 3,500 บาท
และเพิ่มวงเงินผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งระยะที่หนึ่ง อีกคนละ 500 บาท พร้อมกับขยายระยะเวลาการใช้สิทธิมาตรการระยะที่หนึ่งออกไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564 ส่วนผู้ที่ถูกตัดสิทธิจากโครงการคนละครึ่ง ระยะที่หนึ่ง ก็อย่าเพิ่งน้อยใจ เพราะสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการระยะที่สองได้ด้วย
ของขวัญชิ้นถัดมา เป็นของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีมาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยการเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 3 เดือน โดยมีระยะเวลาการดำเนินการตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2564
สำหรับสายเที่ยว กับ “โครงการเราเที่ยวด้วยกัน” “โครงการกำลังใจ” ก็มีการปัดฝุ่นใหม่ และเปิดตัวโครงการ “เที่ยวไทยวัยเก๋า” ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุ
โดยมีเงื่อนไขโครงการ ผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีอายุ 55 ปีขึ้นไป และต้องเดินทางท่องเที่ยวข้ามจังหวัดเฉพาะวันธรรมดา (เข้าพักในวันอาทิตย์ถึงวันพฤหัสบดี) ผ่านบริษัทนำเที่ยว โดยโปรแกรมการท่องเที่ยวต้องมีราคาขั้นตํ่าไม่น้อยกว่า 12,500 บาทต่อคน/โปรแกรม
ระยะเวลาการเดินทางไม่น้อยกว่า 3 วัน 2 คืน โดยรัฐบาลจะสนับ สนุนค่าใช้จ่ายผ่านบริษัทนำเที่ยวในลักษณะร่วมจ่าย ไม่เกิน 40% และไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน ผู้ที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันสามารถใช้สิทธิในโครงการนี้ได้เช่นกัน
นี่ก็เป็นเพียงของขวัญที่รวบรวมมาพอเป็นนํ้าจิ้ม เชื่อว่าหลังจากนี้แต่ละกระทรวงจะเสนอเข้าครม.เพื่ออนุมัติในช่วงปีใหม่อีกแน่นอน ตามลุ้นกันต่อนะครับ