วันนี้(19 ธ.ค.63) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดี กรณีทุจริตโครงการ “คนละครึ่ง” ว่า คดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ ทางผบ.ตร.อยู่ระหว่างการแต่งตั้งชุดปฏิบัติการสืบสวนสอบสวน เพื่อสนับสนุนในการดำเนินการด้านคดี เพราะเชื่อว่ายังมีคดีในลักษณะนี้อีกจำนวนมาก
โดยจะมี พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวน มีรอง ผบช.ทุกภาค ที่คุมงานด้านการสืบสวน เข้าร่วมอยู่ในทีมงาน มีตน และ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นผู้กำกับดูแล
“อยากจะฝากเตือนไปถึงพี่น้องประชาชน คดี"คนละครึ่ง"นี้เป็นคดีฉ้อโกงที่จะถูกดำเนินคดี ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท แต่อย่าลืมว่ากระทำความผิดของท่านอาจจะไม่ได้กระทำความผิดเพียงกรรมเดียว ดังนั้น ความผิดในลักษณะนี้จะมีการบวกโทษขึ้นไป จนอาจจะมีโทษจำคุกหลายสิบปี ตำรวจจะตามสืบสวนสอบสวนผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีให้หมด”
ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรัฐจะมีมูลค่าเท่าไหร่ ยังอยู่ระหว่างการรอผลสรุปคดี ซึ่งยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะ อย่างไรก็ตาม คดีนี้ทางตำรวจจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด จึงต้องตั้งทีมงานเป็นองคาพยพ จัดสรรพกำลังทุกหน่วย ลงมาทำงานสอบปากคำบุคคลที่เข้าข่ายกระทำความผิดทั้ง 700 ราย ดังนั้นใครที่ถูกออกหมายเรียกให้รีบมาพบเจ้าหน้าที่ ไม่อย่างนั้นจะถูกออกหมายจับต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ(บก.ปอศ.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการออกหมายเรียกบุคคลที่เข้าข่ายประมาณ 700 ราย ให้มาพบพนักงานสอบสวน หากไม่มาพบตามกำหนด ก็จะดำเนินการออกหมายจับต่อไป
“ทุกฝ่ายอยู่ระหว่างการดำเนินการในคดีนี้ เพื่อให้สามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ ให้ได้เร็วที่สุด ทางผู้บังคับบัญชาต้องการให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่าง ไม่อยากให้สังคมมีพฤติกรรมการโกงเกิดขึ้น”
ทั้งนี้ จากเส้นทางการตรวจสอบของธนาคารกรุงไทย เชื่อว่ายังมีอีกหลายกลุ่มที่มีพฤติกรรมการกระทำอย่างนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้ตั้งคณะทำงานเพื่อมารับผิดชอบคดีนี้ เนื่องจากมีการกระทำความผิดในหลายพื้นที่ หลายกรรม หลายวาระ