อุบลราชธานี ประชุมร่วมฉุกเฉินแขวงจำปาสัก สปป.สาว กระชับความเข้มสกัดการลักลอบข้ามแดนทั้ง 2 ฝั่งกันโควิด-19ระบาด พร้อมให้ลงโทษนายหน้าตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือลาว ผู้กระทำผิดเมื่อดำเนินคดีเสร็จให้ประสานแจ้งและส่งกลับผ่านช่องทางสากล
เมื่อวันที่25 ธ.ค.2563 นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เปิดการประชุมพบปะหารือกรณีฉุกเฉิน ระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีร่วมกับแขวงจำปาสัก สปป.ลาว ที่ห้องประชุมพรหมราช ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี โดยฝ่ายไทยประกอบด้วย รอง ผวจ. หัวหน้าส่วนที่เกี่ยวข้อง นายอำเภอที่มีชายแดนติดกับ สปป.ลาว ผู้แทนฝ่ายสปป.ลาว ประกอบด้วยท่านมะไลทอง กมมะสิด รองเจ้าแขวงจำปาสัก หัวหน้าแผนกการที่เกี่ยวข้อง เจ้าเมืองที่มีชายแดนติดกับราชอาณาจักรไทย
วัตถุประสงค์การประชุมร่วมฉุกเฉินในครั้งนี้ เพื่อหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นการกำหนดมาตรการ เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีและแขวงจำปาสัก ซึ่งเป็นเมืองชายแดนไทย -ลาว ตอบสนองการแก้ไขปัญหาวิกฤตเชื้อโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยมติที่ประชุมจะร่วมกันวางมาตรการแก้ไข ขอความร่วมมือในการช่วยเหลือกันและกัน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย เพื่อลดข้อจำกัดในความร่วมมือระหว่างกันได้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนของทั้งสองประเทศอย่างแท้จริง
ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นชอบตรงกันว่า การลักลอบเข้าเมืองจะส่งผลต่อการระบาดของเชื้อโควิด-19 ระหว่างทั้งสองประเทศ จึงเห็นชอบต่อข้อเสนอในการยกระดับความร่วมมือดังนี้
1. เห็นชอบให้หน่วยงานของแต่ละฝ่ายทำการกวดขันเฝ้าระวังเข้มงวดการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และการกระทำที่ผิดกฎหมายอื่นอย่างเคร่งครัด
2. ให้แต่ละฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ตระหนัก ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมาตรการของแต่ละฝ่ายให้ถือปฏิบัติ และคอยสอดส่องดูแลแจ้งข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่
3. เห็นชอบให้แต่ละฝ่ายดำเนินคดีกับนายหน้าที่นำแรงงานของ สปป.ลาว เข้าในราชอาณาจักรไทย ตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดทั้งนายหน้าที่เป็นคนไทยและคนลาว
4.เห็นชอบร่วมกันให้ส่งตัวผู้กระทำผิดหลบหนีเข้าเมือง เมื่อใด้ดำเนินคดีแล้วเสร็จ ผ่านช่องทางด่านสากล ช่องเม็ก-วังเต่า โดยให้แจ้งข้อมูลให้อีกฝ่ายทราบด้วย
5.เห็นชอบให้นายอำเภอและเจ้าเมือง ที่มีชายแดนอยู่ติดกันได้ประสานการทำงานร่วมกัน อย่างใกล้ชิดในการรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน
6. เห็นชอบให้นายอำเภอสิรินธรและเจ้าเมืองโพนทอง ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ตามแนวชายแดนที่ยังไม่ได้ปักปันเขตแดน งดเว้นการเพาะปลูกพืชทุกชนิด และดำเนินการครอบครองพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวจนกว่าจะมีการปักปันเขตแดนแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ นับเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายให้มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เป็นเป้าหมายสำคัญของแขวงจำปาสัก สปป.ลาว และจังหวัดอุบลราชธานี ให้เกิดความสงบเรียบร้อยตามเจตนารมณ์ของทั้งสองประเทศและเป็นการคุมเข้มโควิด-19 ด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผู้ว่าฯสั่งเลื่อนรับแสงแรกแห่งสยาม"งานกาชาดอุบลฯ"
ประกาศห้ามคนต่างด้าวติดเชื้อโควิด-19 เข้าราชอาณาจักรไทย
"หมอธีระ"ชี้โควิดระลอกใหม่กระจายเร็ว แนะตรวจทุกคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง"ไม่สุ่ม"