อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท เปิดเช้าวันนี้ที่ 30.04 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่า”จากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ 30.10 บาทต่อดอลลาร์ ประเมินกรอบเงินบาทระหว่างวัน 29.93-30.13 บาทต่อดอลลาร์
ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้าทีมกลยุทธ์ตลาดการเงินและวางแผนการลงทุน EASY INVEST บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ (SCBS)ระบุว่าอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทกลับ “แข็งค่า”ลงในช่วงระหว่างวันและนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยหลังดัชนีหุ้นจีนอย่าง CSI 300 ปรับตัวขึ้นถึง 2.85% ภายในวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 สร้างมุมมองเชิงบวกแม้เงินหยวนจีน (CNY) จะทรงตัวที่ 6.46 หยวนต่อดอลลาร์ ในระยะสั้นเรามีมุมมองเชิงบวกกับสกุลเงินเอเชีย และเชื่อว่าถ้านักลงทุนเห็นสินทรัพย์ในภูมิภาคนี้ให้ผลตอบแทนดีกว่าฝั่งตะวันตก ก็จะกระจายการลงทุนเข้ามาในเงินบาทไปพร้อมกันด้วย
ตลาดการเงินเริ่มพักฐานในคืนที่ผ่านมา ทั้งดัชนี S&P 500 ของสหรัฐและดัชนี STOXX 600 ของยุโรปต่างปรับตัวมาบวกเพียง 0.04% โดยมีแรงหนุนของหุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงานเข้ามาประคอง ขณะที่นักลงทุนไม่รีบร้อนที่จะขายทำกำไรหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายควบคุมการระบาดของไวรัสและส่วนใหญ่แทบไม่เคลื่อนไหวเนื่องจากกำลังรอความชัดเจนของภาพการเมืองสหรัฐ
ด้านสินทรัพย์ปลอดภัย ราคาทองคำที่ฟื้นตัวขึ้นแตะระดับ 1,858 ดอลลาร์ต่อออนซ์หลังดัชนีดอลลาร์อ่อนค่า 0.47% กลับมาที่ระดับ 90.0จุด โดยเยนญี่ปุ่น (JPY) แข็งค่าลงต่ำกว่าระดับ 104 เยนต่อดอลลาร์อีกครั้ง สะท้อนภาพนักลงทุนที่ยังเชื่อมั่นในเศรษฐกิจฝั่งเอเชียแม้ว่าในช่วงนี้จะมีการระบาดของโคโรนาไวรัสในหลายประเทศ ส่วนบอนด์ยีลด์สหรัฐอายุสิบปี ก็ทรงตัวที่ระดับ 1.15% ไม่ได้สร้างแรงกดดันเพิ่มเติมให้กับนักลงทุน
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า อัตราแลกเปลี่ยนค่า เงินบาทเช้านี้ (13 ม.ค.) แข็งค่ามาใกล้ๆ ระดับ 30.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 30.11 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินดอลลลาร์ฯ เผชิญแรงกดดันบางส่วน หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าการทำ QE ของเฟดจะยังคงเดินหน้าต่อไปในปีนี้ และการหารือเรื่องการชะลอวงเงินมาตรการ QE เป็นเรื่องที่เร็วเกินไปในเวลานี้
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้คาดไว้ที่ 29.90-30.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อ (CPI) เดือนธ.ค. และรายงาน Beige Book ของเฟด นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามมาตรการกระตุ้นรอบใหม่ และปมการเมืองภายในของสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน