100 วันแรกของ “ไบเดน” จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย

22 ม.ค. 2564 | 04:30 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ม.ค. 2564 | 04:30 น.

นายโจ ไบเดน ได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 เพียงเริ่มปฏิบัติภารกิจวันแรกได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร 17 ฉบับ เพื่อเร่งดำเนินการในช่วง 100 วันแรก จะเกิดผลบวก-ลบต่อประเทศไทยในแง่มุมต่าง ๆ อย่างไรนั้น

 

นางสาวพิมพ์ชนก  วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ทางสนค.ได้ประมวลประเด็นและวิเคราะห์ภารกิจของนายโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ในช่วง 100 วันแรกของการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ ถึงผลกระทบต่อประเทศไทย ดังนี้

 

เมื่อ 17 มกราคม 2564 ได้มีการเผยแพร่บันทึก (Memo) แผนงานของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนใน 10 วันแรก โดยระบุว่าจะเร่งแก้ไขความเสียหายร้ายแรงในปัจจุบันควบคู่กับการขับเคลื่อนสหรัฐฯ ไปข้างหน้าอย่างเร่งด่วนใน 4 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ (1) วิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (2) วิกฤติเศรษฐกิจ (3) วิกฤติสิ่งแวดล้อม และ (4) วิกฤติด้านความเท่าเทียมทางชาติพันธุ์ และจะเป็นแกนหลักในการผลักดันนโยบายช่วง 100 วันแรก

 

มีแนวโน้มว่าในช่วง 10 วันแรก ประธานาธิบดีไบเดน จะใช้อำนาจฝ่ายบริหารออกคำสั่งประธานาธิบดี Executive Order) เอกสารบันทึกความเข้าใจประธานาธิบดี (Presidential Memorandum) และคำสั่งไปยังคณะรัฐมนตรี เพื่อเร่งการทำงาน อาทิ 

ประเด็นวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 การลงนามคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อเพิ่มการทดสอบการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และการใช้มาตรการบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่หน่วยงานภาครัฐ และระหว่างการเดินทางข้ามรัฐ

 

ประเด็นวิกฤติเศรษฐกิจ การลงนามคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อเร่งขับเคลื่อนแนวทาง “Buy American” (เพิ่มภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการภายในประเทศ) การให้ชำระเงินกู้เพื่อการศึกษาพร้อมทั้งดอกเบี้ย การเปิดทำการสถานศึกษาและภาคธุรกิจ นอกจากนี้ ประธานาธิบดีไบเดนยังมีแผนงบประมาณการเยียวยาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มูลค่า1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่โครงการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ การให้เงินช่วยเหลือผู้ประกอบการและเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 15 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมง และงบประมาณสนับสนุนให้โรงเรียนกลับมาเปิดทำการอย่างปลอดภัย

 

ประเด็นวิกฤติสิ่งแวดล้อม การกลับเข้าเป็นภาคีของความตกลงปารีส Paris Agreement) และเร่งแก้ไขปัญหาด้านสภาพแวดล้อมภายใต้กรอบความคิดทางวิทยาศาสตร์

 

ประเด็นวิกฤติความเท่าเทียมทางชาติพันธุ์ อาทิ การยกเลิกนโยบายปิดกั้นผู้อพยพจากประเทศมุสลิม การสนับสนุนกลุ่มคนผิวสีและกลุ่มคนด้อยโอกาสอื่น ๆ การขยายความครอบคลุมบริการทางการดูแลสุขภาพ (ซึ่งรวมถึงกลุ่มสตรี
ที่มีรายได้ต่ำ และสตรีผิวสี)

 

100 วันแรกของ “ไบเดน” จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย

                               พิมพ์ชนก  วอนขอพร

ข้อคิดเห็น

ประเด็นต่าง ๆ ข้างต้นสะท้อนว่าประธานาธิบดีไจ ไบเดน ยึดมั่นในเจตนารมณ์และการดำเนินงานสอดคล้องกับนโยบายที่เคยให้ไว้ช่วงการหาเสียงที่ระบุว่าการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสดควิด-19 คือภารกิสำคัญอันดับแรก เช่นเดียวกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ สอดคล้องกับรายชื่อทีมเศรษฐกิจที่ล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับประเด็นการว่างงานและความเท่าเทียม

 

นอกจากนี้การกลับเข้าเป็นสมาชิกความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Paris Agreement) และยกเลิกการห้ามเดินทางเข้าสหรัฐ ฯ ของประชาชนจากประเทศมุสลิม เป็นการยกเลิกนโยบายในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสร้างความเสถียรภาพทางสังคมและการปรองดอง ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของแผนงานอีกประการหนึ่ง และสะท้อนว่าทิศทางการดำเนินนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีไบเดน จะกลับมาให้ความสำคัญกับกฎกติกาสากลและมีแนวโน้มสร้างความร่วมมือผ่านองค์กรหรือข้อตกลงระหว่างประเทศมากขึ้น โดยประธานาธิบดีไบเดน ได้เน้นย้ำประเด็นนี้อีกครั้ง ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนว่าสหรัฐฯ จะมีส่วนร่วมในประเด็นที่เป็นความท้าทายของโลก รวมถึงการฟื้นฟูภาพความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ในเวทีโลก ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าสหรัฐฯ จะฟื้นฟูหรือเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรในประเด็นที่มีความสำคัญหลากหลายรวมถึงด้านการค้า และกลับมาให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือแบบพหุภาคีและยึดถือกฎกติกาสากล เช่น กฎเกณฑ์ทางการค้าตามกลไก WTO มากขึ้น

 

มาตรการทางการค้าที่ส่งผลกระทบทางด้านบวก

มาตรการเยียวยา และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯในการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู้ระบบเศรษฐกิจ จะมีส่วนช่วนให้เศรษฐกิจและการจ้างงานของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการฟื้นตัวของกลุ่มชนชั้นกลางที่เป็นกำลังซื้อหลักของประเทศ จะสนับสนุนให้เศรษบกิจสหรัฐฯฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่อง โดยล่าสุด(ม.ค.2564) ธนาคารโลกประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวที่ร้อยละ 3.5 ซึ่งจะส้่งผลดีต่อกำลังซื้อของชาวอเมริกัน รวมถึงเศรษฐกิจโลกและการซื้อสินค้าจากไทย ด้วยสหรัฐฯเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย

 

นอกจากนี้ ภาพรวม 11 เดือนแรกของปี 63 ชี้ว่า ไทยยังสามารถส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 9.01 (YoY) แม้เผชิญความท้าทายจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตลอดปี 63 โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคขั้นปลายน้ำ กลุ่มสินค้าหลักที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ ได้แก่ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารทะเลแปรรูป และสินค้าที่ไทยเป็นฐานการผลิตให้สหรัฐฯ อาทิ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และไดโอด

 

มาตรการเพื่อระงับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวดมากขึ้น สร้างโอกาสการผลักดันการส่งออกสินค้าศักยภาพของไทยในกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับการป้องกันโรค/ผลิตภัณฑ์การแพทย์ เช่น ถุงมือยาง นอกจากนี้ ไทยควรเร่งผลักดันการส่งออกสินค้ากลุ่มที่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้แก่ อาหารทุกประเภท สินค้าที่เป็นกลุ่ม work from home เช่น คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน สินค้าไลฟ์สไตล์เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นของบริษัทสหรัฐฯ ในไทยเองที่ส่งออกไปเพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

มาตรการทางการค้าที่ส่งผลกระทบทางด้านลบ

การขับเคลื่อนนโยบายตามแนวทาง“Buy American” ของประธานาธิบดีไบเดน ที่กำหนดให้ภาครัฐ เพิ่มการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการภายในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้สินค้าเหล็ก อลูมิเนียม และวัตถุดิบสำคัญ ภายใต้โครงการสำคัญของรัฐบาล อาจสร้างแรงกดดันต่อการส่งออกสินค้าประเภทดังกล่าวจากไทยไปยังสหรัฐฯ ได้ (ปัจจุบัน สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกสินค้าเหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ อันดับ 1 ของไทย คิดเป็นมูลค่า 943.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีสัดส่วนร้อยละ 21.44 ของการส่งออกใน 11 เดือนแรกของปี 63)

 

การมุ่งมั่นผลักดันการกลับเข้าเป็นสมาชิกความตกลงปารีสของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายเพื่อกำหนดมาตรการลดกรปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะสร้างแรงกดดันต่อสินค้าที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์สันดาปภายในของไทย( ปัจจุบันสหรัฐฯเป็นตลาดส่งออกเครื่องยนต์สันดาปภายในสำคัญอันดับ 6 ของไทย คิดเป็นมูลค่า 200.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีสัดส่วนร้อยละ 5.94 ของการส่งออก 11 เดือนแรกในปี 2563 อีกทั้งกระตุ้นให้ภาคเอกชนและผู้ประกอบการสหรัฐฯตื่นตัวและกำหนดเงื่อนไข /มาตรฐานของสินค้าที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น การติดฉลากบ่งชี้ระดับการปล่อยคาร์บอน หรือการให้บริษัทผู้ผลิตเปิดเผยข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ในห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก

 

นอกจากนี้ แนวโน้มความตื่นตัวของประชากรโลกเกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อม กอปรกับการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ ภายใต้การนำทีมของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด และตั้งเป้าหมายให้สหรัฐฯ มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็น 0 ภายในปี 78 (ค.ศ. 2035) ซึ่งครอบคลุมการออกนโยบายเพื่อจูงใจให้เกิดการใช้รถยนต์ไฟฟ้า อาจส่งผลให้ความต้องการสินค้ารถยนต์แบบสันดาปภายในลดลงในระยะยาว

 

100 วันแรกของ “ไบเดน” จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย

แนวทางการรับมือความเปลี่ยนแปลงในสหรัฐฯของไทย

แนวโน้มที่สหรัฐฯจะยึดกฎกติกา/กลไกพหุภาคีมากขึ้น น่าจะช่วยลดความผันผวนหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน (shock) ต่อเศรษฐกิจการค้าโลก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการค้าไทย นอกจากนี้ นโยบายการสร้างความร่วมมือและพันธมิตรทางการค้า จะเปิดโอกาสการเจรจาให้ไทยขยายการค้าเพิ่มเติมกับสหรัฐฯ และคู่ค้าอื่นๆ ที่มีศักยภาพ

 

อย่างไรก็ดี ไทยต้องเตรียมความพร้อมประเด็นที่ไบเดน ให้ความสำคัญ ซึ่งคาดว่าจะถูกหยิบยกมาเป็นเงื่อนไขการเจรจาการค้าในอนาคต เพื่อลดประเด็นปัญหาและสร้างบรรยากาศการสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีระหว่างกัน เช่น ประเด็นสิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชนและแรงงาน รวมถึงการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา เช่นเดียวกับมาตรการอื่น ๆ ที่สหรัฐฯ ใช้ติดตามพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรม เช่น การติดตามนโยบายค่าเงินของประเทศคู่ค้า/การบิดเบือนค่าเงิน (currency manipulation) ซึ่งอาจใช้เป็นเหตุผลในการออกมาตรการอื่นๆ เช่น มาตรการภายใต้มาตรา 301 และการขึ้นภาษีตอบโต้การอุดหนุน (CVD) ต่อประเทศคู่ค้าที่แทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนให้ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง

 

ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์จะติดตามความเคลื่อนไหวของนโยบายอย่างใกล้ชิดต่อไป และพร้อมเดินหน้าทำงานร่วมกับภาคเอกชนเพื่ออำนวยความสะดวก ส่งเสริมและแก้ไขอุปสรรคทางการค้าที่อาจเกิดขึ้น ผ่านกลไกคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) เพื่อผลักดันการส่งออกของไทย

 

100 วันแรกของ “ไบเดน” จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ส่งหนังสือยินดี “โจ ไบเดน” ไทยพร้อมร่วมมือ-เชิญมาเยือนกรุงเทพ

"โจ ไบเดน" เซ็นคำสั่งฝ่ายบริหาร 17 ฉบับ โละคำสั่งเดิมของ "ทรัมป์"

DITP คาดนโยบาย “โจไบเดน” เพิ่มโอกาสการค้าการลงทุนไทยในสหรัฐฯ

ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 257 จุด ต้อนรับ"โจ ไบเดน"รับตำแหน่งปธน.สหรัฐอย่างเป็นทางการ

"โจ ไบเดน" สาบานตน America United “อเมริกาเป็นหนึ่งเดียว