ภายหลังจากที่รัฐและกระทรวงสาธารณสุขได้ลงนามในกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เฉพาะกัญชง (Hemp) พ.ศ. 2563 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2564
ล่าสุดพบว่าในหลายพื้นที่หลายจังหวัดมีผู้สนใจประสงค์จะขอปลูกกัญชง โดยกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า ในภาพรวมของทั้งประเทศ มีผู้สนใจขอทราบรายละเอียดและรับคำแนะนำทั้งหมด 705 ราย ยื่นคำขออนุญาตฯเบื้องต้น 2 ราย
ทั้งนี้ผู้ที่ประสงค์จะปลูกกัญชง ควรศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกฎหมายและหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการอนุญาต และคู่มือผู้ประกอบการในการขออนุญาต โดยจะมี10 ข้อควรรู้ในการขออนุญาตปลูกกัญชง ดังต่อไปนี้
1. พื้นที่ปลูกอยู่จังหวัดไหน ให้ยื่นขอที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนั้น โดยสามารถยื่นขอได้ตลอดปี และขั้นตอนการอนุญาตประมาณ 120 วัน นับแต่วันที่หลักฐานครบถ้วนและยื่นชำระเงินค่าคำขออนุญาต ดังนั้นผู้ขออนุญาตควรวางแผนการยื่นคำขออนุญาตให้สอดคล้องเช่น ยื่นคำขออนุญาตเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อปลูกเดือนกรกฎาคม เป็นต้น
2. การขออนุญาตปลูกกัญชง เช่น เพื่อประโยชน์เชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม ไม่จำกัดพื้นที่ จะขออนุญาตพื้นที่เท่าไรก็ได้
3. เอกสารสิทธิ์ที่ดินในการขออนุญาตต้องชอบด้วยกฎหมาย ไม่บุกรุกป่า เช่น โฉนด หรือ นส. 3 ก หากผู้ขอไม่ได้เป็นเจ้าของจะต้องมีหนังสือยินยอมให้ใช้พื้นที่เพื่อผลิตยาเสพติดให้โทษตามแบบฟอร์มที่กำหนด
ทั้งนี้ แบบภ.บ.ท.5 และภ.บ.ท. 6 ไม่ถือเป็นเอกสารถือครองที่ดิน ไม่สามารถใช้ขออนุญาตได้
4. สถานที่ปลูก ต้องมีแนวเขตพื้นที่ปลูกที่เห็นได้ชัด แยกจากการปลูกพืชชนิดอื่นเป็นสัดส่วนชัดเจน
5. มีมาตรการรักษาความปลอดภัยในบริเวณพื้นที่ปลูกพื้นที่เก็บรักษาเมล็ดพันธุ์หรือกัญชงหลังการเก็บเกี่ยวและแยกเก็บกัญชงเป็นสัดส่วนไม่ปะปนกับวัตถุอื่น
6. ถ้าพื้นที่ปลูกตั้งอยู่ในเขตชุมชน สถานที่ท่องเที่ยวและสถานศึกษาต้องมีระบบป้องกันการเข้าถึงจากบุคคลภายนอก เช่น รั้วลวดหนาม ปิดกั้นทั้ง 4 ด้านของพื้นที่ปลูก จำกัดประตูทางเข้าออกพื้นที่จำเป็น
7. กำหนดบัญชีรายชื่อบุคคลผู้มีสิทธิ์ เข้า-ออก พื้นที่ปลูกกำหนดและผู้รับผิดชอบเฉพาะเป็นผู้ควบคุมในกิจกรรมเป็นลายลักษณ์อักษร
8. ผู้ขออนุญาตหรือผู้ดำเนินการ ต้องมีหนังสือผลการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยยื่นขอที่สถานีตำรวจภูธรที่มีภูมิลำเนาอยู่
9. มีค่าใช้จ่ายคือ คำขอรับอนุญาตฯ ใบละ 500 บาท และค่าหนังสือสำคัญอนุญาต ฉบับละ 4,000 บาท
10. การปลูกเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานการเกษตร เช่น การวิเคราะห์คุณภาพของดินและน้ำ การตรวจสารปนเปื้อนยาฆ่าแมลงโลหะหนัก และจัดให้มีระบบติดตามจากต้นทางสู่ปลายทาง และตรวจสอบย้อนกลับเพื่อควบคุมกำกับดูแลให้เป็นไปตามที่ได้รับอนุญาต
โดยผู้ที่ประสงค์จะขออนุญาตปลูกกัญชง สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มคำขออนุญาตได้ที่ กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือคลิกที่นี่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
พร้อมหรือยัง 29 ม.ค. ยื่น ขอปลูกกัญชงทั่วประเทศ