ความท้าทายของการเป็นศูนย์การค้าในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใน ‘เมกาบางนา’ ร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าวิกฤตเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า กลับมาใช้ชีวิตในวิถีปกติใหม่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ผนวกกับการปูพื้นฐานด้านโครงข่ายสื่อสารและเทคโนโลยีดิจิทัลไว้เป็นอย่างดีตั้งแต่เริ่มโครงการฯ จึงช่วยรองรับความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการจับจ่ายสินค้าของลูกค้าในยุคดิจิทัลได้อย่างทันท่วงที
ปพิตชญา สุวรรณดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าเมกาบางนา เล่าให้ฟังถึงภาพรวมของธุรกิจตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมาว่า เมกาบางนาทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่เป็นผู้เช่ามากกว่า 900 ร้านค้า เพื่อร่วมกันตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกๆ โอกาส
“เมกาบางนา มีเป้าหมายในการสร้าง ‘The Great Meeting Place’ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาใช้ชีวิตร่วมกันในกิจกรรมที่หลากหลาย เราจึงขยายพื้นที่เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เมกา ฟู้ดวอล์ค ที่รวบรวมร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และพื้นที่จอดรถเพิ่มเติมที่เปิดให้บริการเมื่อปี 2017 , ส่วนต่อขยายโซน เมกา สมาร์ท คิดส์ เพื่อรองรับโรงเรียนสอนภาษา สอนดนตรี หรือทักษะพิเศษเฉพาะทาง รวมถึงเมกา ฮาร์เบอร์แลนด์สวนสนุกในร่มของเด็กๆ ตอบโจทย์ของกลุ่มครอบครัว และ เมกา พาร์ค สวนสาธารณะขนาด 7 ไร่ เพื่อมอบพื้นที่สีเขียวให้แก่ชุมชน ทั้งยังสามารถใช้จัดกิจกรรมกลางแจ้งหรือกิจกรรมอื่นๆ สำหรับครอบครัว และกิจกรรมที่เมกาบางนาได้จัดในเมกา พาร์คและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี อย่างเช่น มิวสิค แอนด์ มูฟวี่ อิน เดอะ ปาร์ค, เมกา แอดเวนเจอร์ เป็นต้น” ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของเป้าหมายระยะยาวในการพัฒนาศูนย์ครบวงจรอย่างโครงการ “เมกาซิตี้” ที่รวบรวมพื้นที่แห่งการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัยโรงแรม ออฟฟิศ ศูนย์การค้า ศูนย์การเรียนรู้ สวนสาธารณะ และพื้นที่ความบันเทิงภายใต้ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน”
เน้นสร้างเชื่อมั่นลูกค้า กลับมาใช้ชีวิตแบบปกติใหม่
“ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงต้นปีที่แล้ว กลายเป็นสถานการณ์เร่งด่วนของศูนย์การค้าในการสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้ากลับมาเดินชอปปิ้งได้อย่างมั่นใจ โดยเฉพาะเมกาบางนา ที่เน้นกลุ่มลูกค้าให้เข้ามาใช้ประสบการณ์ในศูนย์เป็นหลัก เราจึงต้องเน้นความปลอดภัยด้านสุขอนามัยทั้งของลูกค้า ผู้เช่า และพนักงานโดยเป็นศูนย์การค้านำร่องในการนำหุ่นยนต์ทำความสะอาดมาใช้งาน เพื่อลดการสัมผัสของพนักงานทำความสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิแบบ Face recognition ใช้ไฟยูวีฆ่าเชื้อ ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อให้พนักงาน หรือการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทุกวันหลังศูนย์ปิด เป็นต้น”
นอกจากนั้น ยังได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ทั้งในรูปแบบแพลตฟอร์มแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อร่วมกันเรียนรู้ในการปฏิบัติตัวกันใหม่ในวิถี New Normal ในขณะเดียวกันเราได้หาทางออกร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่เป็นผู้เช่า ด้วยการออกมาตรการช่วยเหลือด้านต่างๆ เพื่อดูแล แบ่งปันและแบ่งเบาภาระทางธุรกิจ เพราะเราเชื่อว่าสุดท้ายธุรกิจจะต้องกลับมาเหมือนเดิม”
เมื่อโควิด-19 ได้เข้ามาเร่งและสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าใช้บริการทางออนไลน์มากขึ้น เมกาบางนา ก็ไม่ได้หยุดนิ่งในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาตอบโจทย์ให้แก่ลูกค้าอีกทั้งยังเติมเต็มความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัวผ่านเครื่องมือไอที
“ที่ผ่านมา เราได้เปิดใช้งานแอปพลิเคชันของเมกาบางนาเพื่อสื่อสาร และทำ Loyalty Program กับลูกค้าโดยตรง, บริการ Click & Collect เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าจากออนไลน์ และสามารถขับรถมารับสินค้าที่เมกาบางนาได้เลย โดยเมกาบางนาเราก็เตรียมจุดบริการรับ-ส่งสินค้าไว้ให้ลูกค้า ไปจนถึงความร่วมมือกับแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าใช้ชีวิตได้อย่างปกติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ ‘เมกาบางนา’ มีความพร้อมในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ฝ่าวิกฤตได้อย่างรวดเร็ว เกิดจากความร่วมมือในการวางโครงข่ายเทคโนโลยีสื่อสารและบริการดิจิทัลครบวงจร จาก NT หรือ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ซึ่งให้บริการด้านดิจิทัลสำหรับใช้ภายในสำนักงาน, บริการฟรีไวไฟครอบคลุมทุกพื้นที่ของศูนย์การค้าเมกาบางนา และวางโครงข่ายเพิ่มเติมให้โครงการเมกาซิตี้ด้วย
“ความได้เปรียบของการใช้บริการดิจิทัลครบวงจรในการทำธุรกิจ คือการนำเครื่องมือทางการตลาด เข้ามาผสมผสานกับแอปพลิเคชัน อย่าง Marketing Automation โดยนำข้อมูลการเลือกซื้อสินค้าของลูกค้าที่ใช้งานแอปพลิเคชันเมกาบางนามาวิเคราะห์ และทำการตลาดแบบ Personalized จึงทำให้ทราบถึงความต้องการของลูกค้าโดยตรงและตอบโจทย์ให้ลูกค้าได้อย่างตรงจุด”
“เชื่อว่าหลังจากควบรวมระหว่าง CAT และ TOT จะทำให้ NT มีบริการด้านโครงข่ายเทคโนโลยีสื่อสารและเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ ที่มีเสถียรภาพและประสิทธิภาพครอบคลุมมากยิ่ง และส่งผลดีต่อธุรกิจทั้ง B2B และ B2C” ปพิตชญา กล่าวปิดท้าย