นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงถึงการระบาดของโควิด-19 ในระลอกที่ 3 ว่า เรื่องทั้งหมดจะโทษใครไม่ได้ นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้อำนวยการ ศบค. ดังนั้นจะไปโทษไฮโซ ที่ไปเที่ยวแล้วไม่รับผิดชอบไม่ได้ แต่ต้องโทษตัวท่านเองบ้าง ซึ่งจะเห็นว่าช่วงที่มีการระบาดระลอก 3 เป็นช่วงที่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินบังคับอยู่ แต่ขณะเดียวกันเหมือน ศบค.ไม่ได้มีการดำเนินการอะไร ซึ่งผลของการระบาดเกิดจากกลุ่มนักการเมือง เอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ระดับอธิบดี ดารา นักร้อง นักแสดงนางแบบ ตำรวจที่ไปดูแลสถานบันเทิง และประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้ไปเที่ยงผับหรือสถานบันเทิง
ทั้งนี้ การระบาดของระลอกที่ 3 มีผลกระทบต่อปฏิทินการเปิดประเทศ ซึ่งรัฐบาลได้แถลงเมื่อเดือนมีนาคม 2564 ว่าจะเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ แต่มีเงื่อนไขต้องกักตัวในโรงแรมจำนวน 7 วัน
ขณะเดียวกันวัคซีนที่จัดหามาจาก 2 บริษัท มีเพียง 350,000 โดรส แสดงให้เห็นว่า ไม่ได้มีการเตรียมการวางแผน ไม่มีความรอบคอบระมัดระวัง และไม่แน่ใจว่าวัคซีนที่นำเข้ามามีคุณภาพหรือไม่ เพราะมีคนที่ฉีดวัคซีนแล้วยังติดโควิดได้
แต่เมื่อมีการระบาดระลอก 3 พล.อ.ประยุทธ์ กลับออกมาแถลงเมื่อวานว่า ได้มีการไฟเขียวให้องค์การเภสัชนำเข้าวัคซีนมาจำหน่ายกับโรงพยาบาลเอกชนได้ ดังนั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่าทำไมในช่วงที่ผ่านมาถึงไม่อนุมัติให้องค์การเภสัชนำเข้าวัคซีน แสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมา ศบค. ไม่ได้มีการบริหารจัดการอะไรเลย สิ้นเปลืองงบประมาณในการประชุม
ดังนั้น กรณีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการ ศบค. จะบริหารอย่างไร จะรับผิดชอบอย่างไร จึงขอเรียกร้องให้แก้ปัญหาแก้สถานการณ์โดยการตั้งวอร์รูม ไม่ใช่ออกมาพูดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพราะไม่เช่นนั้นประเทศไทยก็ไม่จำเป็นต้องมีนายกรัฐมนตรี ดังนั้นจึงเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก เพื่อให้คนอื่นเข้าไปเป็นนายกรัฐมนตรี ในการบริหารประเทศและแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน
นอกจากนี้ นายยุทธพงศ์ ยังแถลงว่า ในวันที่ 19 เมษายน 2564 เวลา 10.00 น. ตนและคณะทำงานพรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปยื่น ป.ป.ช.ให้สอบสวนจากกรณีสืบเนื่องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายณัฏพล ทีปสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และจะยื่นให้สอบสวน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานความผิดเป็น “หัวหน้าผู้บริหารราชการแผ่นดิน ผู้บังคับบัญชากับนายณัฐฏพล บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลวไร้จิตสำนึก ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตเพื่อสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งให้กับตนเองและพวกพ้อง ปกปิดการกระทำการทุจริตของพวกพ้อง” เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ทราบอยู่แล้วว่ามีการปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในกระทรวงศึกษาธิการ แต่ไม่มีการดำเนินการอะไร
และจะยื่นให้สอบสวน นายณัฐฏพล จากกรณีการแต่งตั้ง นายธนพร สมศรี เป็นเลขา สกสค. ในฐานความผิด “ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรมจริยธรรม ไร้สำนึก ขาดวุฒิภาวะและความเป็นผู้นำที่ดี เพื่อให้บุคคลหลายรายที่เป็นคนสนิทและพวกพ้องของตนเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ มีพฤติการณ์ฉ้อฉล จงใจปกปิดข้อมูล ผิดรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ ไม่ยึดหลักนิติธรรม เลือกปฏิบัติ ไม่ยึดถือหลักธรรมาภิบาล ในกรณีการแต่งตั้งรองเลขาธิการ สกสค. เลขาธิการ สกสค. เลขาธิการคุรุสภา และข้าราชการระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ