นายสมชาย เมฆะสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป จำกัด ( มหาชน) (iiG) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของไวรัสโควิด-19 จากปีที่ผ่านมา และการแพร่ระบาดในระลอกใหม่ ที่จำนวนผู้ติดเชื้อของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทางรัฐบาลได้ขอความร่วมมือให้หน่วยงานราชการและภาคเอกชนจัดรูปแบบการทำงานที่บ้าน “Work from Home” อย่างเต็มรูปแบบหลังเทศกาลสงกรานต์ เพื่อช่วยลดและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น สะท้อนให้เห็นว่าองค์กรธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ยังคงต้องรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และมีแนวโน้มที่องค์กรธุรกิจเหล่านี้ จะพัฒนาและปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานให้สอดคล้องกับการทำงานในรูปแบบWork from Home และ Work from Anywhere ด้วยการเปลี่ยนรูปแบบการทำงานและการดำเนินธุรกิจมาอยู่บนระบบคลาวด์ (Cloud) มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะส่งผลบวกต่อธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ คือ ธุรกิจที่ปรึกษาและให้บริการออกแบบ พัฒนา และติดตั้งระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ด้วยระบบซอฟต์แวร์ Oracle จากประสบการณ์การให้บริการระบบ ERP ในรูปแบบ On Premise มายาวนานกว่า 25 ปี และเป็นผู้บุกเบิกการบริการติดตั้งระบบ Cloud ERP มาระยะหนึ่งแล้ว กลุ่มบริษัทจึงมีความพร้อมในการให้บริการระบบ Cloud ERP ที่มีแนวโน้มความต้องการสูงขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นระบบที่ตอบโจทย์การทำงานรูปแบบใหม่ พนักงานสามารถใช้งานระบบได้ทุกที่ เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังเป็นระบบที่นิยมอย่างมากในธุรกิจหลากหลายอุตสาหกรรมและหลากหลายขนาดทั่วโลกอีกด้วย ในขณะที่การใช้งานของระบบ On Premise ทำได้ค่อนข้างจำกัด ต้องอาศัยการแชร์ข้อมูลจากส่วนกลางของ Server พนักงานถึงจะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่แชร์ผ่าน Server ในองค์กรได้ โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาการยอมรับ (Adoption) และปรับเปลี่ยนไปสู่ระบบ Cloud ERP เป็นไปอย่างเชื่องช้า เนื่องจากผู้ใช้งานระบบเดิมกลัวความยุ่งยากในการเปลี่ยนระบบ มีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล และไม่ต้องการลงทุนในระบบใหม่ แต่เนื่องจากในปัจจุบัน มีการออกมาตรฐานบัญชีและมาตรการใหม่ ๆ ในการกำกับดูแลกิจการ
"การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและเป็นตัวเร่งให้ธุรกิจต้องการเปลี่ยนแปลงระบบเป็น Cloud ERP มากขึ้น ซึ่งกลุ่มบริษัทมีประสบการณ์ในการติดตั้งระบบCloud ERP ให้กับลูกค้ามาแล้วหลายราย อีกทั้งยังได้พัฒนาเครื่องมือขึ้นเอง เพื่อช่วยในการ (Migrate) นำระบบเดิมจาก On Premise ขึ้นสู่ Cloud ERP ได้อย่างรวดเร็วและลดความยุ่งยากอีกด้วย และในกรณีที่ลูกค้ายังไม่พร้อมในการเปลี่ยนไปสู่ Cloud ERP บริษัทก็ยังสามารถนำซอฟต์แวร์ตัวเดิมที่เคยอยู่บนServer ไปไว้บน Infrastructure หรือ Platform บน Cloud ในแบบ Infrastructure as a Service (IaaS) หรือPlatform as a Service (PaaS) ได้"
ขณะเดียวกัน การให้บริการด้านระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ซึ่งเป็นระบบหลังบ้านที่สำคัญขององค์กรธุรกิจแล้ว iiG ยังมีบริการที่ตอบโจทย์การทำงาน การดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล และครอบคลุมถึงระบบหน้าบ้าน (Front Office) ไปจนถึงจุดที่ธุรกิจมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Touch Point) ด้วยบริการด้านระบบบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) ด้วยซอฟต์แวร์ Salesforce, การวางแผนกลยุทธ์แบรนด์ การสร้างและบริหารประสบการณ์ลูกค้า (CEM) และการตลาดดิจิทัล, การวิเคราะห์และจัดการข้อมูลเพื่อธุรกิจ (Data Analytics & Management), และการจัดหาบุคลากรในส่วนงานสารสนเทศ
สำหรับในปี 2564 บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้จากการให้บริการระบบ Cloud ERP และธรุกิจด้านอื่นๆ จะเติบโตต่อเนื่อง และรายได้รวมทั้งปีของกลุ่มบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาท โดยยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าองค์กรธุรกิจให้แข่งขันได้ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล และสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในอนาคต อีกทั้งช่วยเพิ่มผลประกอบการให้กับบริษัทสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและเติบโตอย่างยั่งยืน