1 มิถุนายน 2564 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ อนุมัติงบประมาณ วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท เพื่อใช้ใน 4 มาตรการลดค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิดของกระทรวงการคลัง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ โครงการ"คนละครึ่ง"ระยะ 3 หรือ "คนละครึ่งเฟส 3"
อัพเเดท ครม.เห็นชอบ "คนละครึ่งเฟส 3 - ยิ่งใช้ยิ่งได้" แพคเกจเยียวยาโควิด 4 โครงการ
“ฐานเศรษฐกิจ” จึงได้สรุป รายละเอียดโครงการ กลุ่มเป้าหมาย ระยะเวลาดำเนินโครงการ รวมถึงระยะเวลาในการลงทะเบียน และการรับสิทธิ์ มานำเสนอแบบครบจบ
รายละเอียด”คนละครึ่ง”เฟส 3
ลงทะเบียนเมื่อไหร่ รับสิทธิ์อย่างไร? เช็กที่นี่
เงื่อนไขการลงทะเบียนสำหรับประชาชน
4 โครงการลดค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด
1. โครงการเติมเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.65 ล้านคน เดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน (ก.ค.-ธ.ค.64) รวมคนละ 1,200 บาท วงเงินรวม 1.64 หมื่นล้านบาท
2. โครงการเติมเงินให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น ผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน ผู้พิการ และผู้สูงอายุจากโครงการเราชนะ 2.5 ล้านคน เดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน (ก.ค.-ธ.ค.64) รวมคนละ 1,200 บาท ใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท
3. โครงการคนละครึ่งระยะ 3 ให้วงเงินคนละ 3,000 บาท นาน 6 เดือน จำนวน 31 ล้านคน โดยแบ่งเป็นให้ช่วงแรกเดือน ก.ค. - ก.ย.64 จำนวน 1,500 บาท และเดือน ต.ค. - ธ.ค. 64 อีก 1,500 บาท วงเงินรวมกว่า 93,000 ล้านบาทและ
4. โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ กระตุ้นการบริโภคในประเทศผ่านผู้ที่มีกำลังซื้อ โดยผู้ที่เข้าร่วมและใช้เงินตามเงื่อนไขจะได้รับอีวอชเชอร์คืนผ่านแอพฯเป๋าตัง ในอัตรา 10-15% สูงสุดไม่เกินคนละ 7,000 บาท เพื่อนำไปใช้จ่าย โดยมีกลุ่มเป้าหมาย 4 ล้านคน ใช้งบ 2.8 หมื่นล้านบาท
ภายหลังการประชุมครม. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มติคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 1 มิ.ย. 64 อนุมัติโครงการ “คนละครึ่ง” ระยะที่ 3 หรือ คนละครึ่งเฟส 3 กรอบวงเงิน 93,000 ล้านบาท และโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” กรอบวงเงิน 28,000 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
โครงการ “คนละครึ่ง” ระยะที่ 3
เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน 31 ล้านคน เป็นค่าใช้จ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่มและสินค้าและบริการทั่วไป โดยรัฐสนับสนุนร้อยละ 50 ของค่าใช้จ่าย หรือไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน
โดยประชาชนจะได้รับการเติมเงินใน แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แบ่งเป็น 2 รอบ ๆ ละ 3 เดือน ( ก.ค. - ก.ย.64) และ (ต.ค. - ธ.ค. 64) ซึ่งจะได้รับสิทธิรอบละ 1,500 บาท รวมได้รับสิทธิ 3,000 บาท ระยะเวลาดำเนินการรับสิทธิได้ตั้งแต่มิถุนายน - ธันวาคม 2564 หรือจนกว่าสิทธิจะเต็ม โดยสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่กรกฎาคม - ธันวาคม 2564
คาดว่าจะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 186,000 ล้านบาท ส่งผลให้ GDP ขยายตัวร้อยละ 0.55
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังเผยว่า ที่ผ่านมามีผู้ได้รับสิทธิแล้วจำนวน 15 ล้านสิทธิ์ เมื่อกดยืนยันรับสิทธิ จะได้รับสิทธิอัตโนมัติ และจะเปิดให้มีการลงทะเบียนสำหรับผู้ต้องการรับสิทธิเพิ่มเติมอีก 16 ล้านคนในเร็วๆ นี้
โดยคุณสมบัติ คือ
สัญชาติไทยที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
มีบัตรประจำตัวประชาชน
ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
หรือไม่ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ
หรือไม่ใช้สิทธิโครงการ “ยิ่งใช้ยิงได้”
สำหรับผู้ประกอบการที่จะได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายของประชาชนจะเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่
(1) ผู้ประกอบการร้านอาหาร/เครื่องดื่ม ร้านค้าทั่วไป
(2) ผู้ประกอบการบริการ
(3) ผู้ประกอบการประเภทบริการด้านขนส่งสาธารณะ
(4) ผู้ประกอบการประเภทบริการด้านขนส่งมวลชนสาธารณะ
“โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้”
เป็นการสนับสนุนวงเงินสิทธิในรูปแบบบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Voucher) เมื่อซื้อสินค้าและบริการ ได้แก่
โดยจำกัดวงเงินใช้จ่ายสูงสุดที่จะนำมาคำนวณสิทธิ์ e-Voucher ไม่เกิน 60,000 บาทต่อคน และไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน และจะได้รับสิทธิ e-Voucher สะสมสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคนเพื่อนำไปใช้ต่อ ซึ่งในรายละเอียดนั้นทางกระทรวงการคลังจะชี้แจงเพิ่มเติมต่อไป
สำหรับกลุ่มเป้าหมายจะเป็นประชาชนไม่เกิน 4 ล้านคน โดยมีคุณสมบัติคือ
เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศผ่านผู้มีกำลังซื้อและสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยกระทรวงการคลังคาดว่าจะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 268,000 ล้านบาท ช่วย GDP ขยายตัวร้อยละ 0.80 ด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: