จากกรณีที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่ 1 มิ.ย. 64 อนุมัติโครงการเยียวยาโควิด ที่ชื่อว่า “โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้” ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 21 มิ.ย.นี้ ทางเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com เพื่อรับการสนับสนุนวงเงินในรูปแบบบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Voucher) เมื่อซื้อสินค้าและบริการตามที่กำหนด
ข้อมูลจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็นโครงการเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศผ่านผู้มีกำลังซื้อและสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยกระทรวงการคลังคาดว่าจะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 268,000 ล้านบาท ช่วย GDP ขยายตัว 0.80%
รายละเอียดโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
เป็นการสนับสนุนวงเงินสิทธิในรูปแบบบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Voucher เมื่อซื้อสินค้าและบริการตามที่กำหนด
การลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
การยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ์โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
เงื่อนไขของโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
การซื้อสินค้าและบริการที่จะได้รับสิทธิ์โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ได้แก่
คุณสมบัติและกลุ่มเป้าหมาย ผู้ได้รับสิทธิ์โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
การใช้สิทธิ์โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
ผู้ประกอบการที่จะร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
การสนับสนุนวงเงินในรูป E-Voucher
โดยจำกัดวงเงินใช้จ่ายสูงสุดที่จะนำมาคำนวณสิทธิ์ E-Voucher ไม่เกิน 60,000 บาทต่อคน และไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน และจะได้รับสิทธิ e-Voucher สะสมสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคนเพื่อนำไปใช้ต่อ
ยอดใช้จ่ายจริงที่จะได้รับการสนับสนุนE-Voucher
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 17/2564 และ 18/2564 ตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของ COVID-19
เป็นโครงการใหม่ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศผ่านผู้มีกำลังซื้อ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยผู้ได้รับสิทธิไม่เกิน 4 ล้านคน ที่ชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการ ได้แก่ ค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป ค่าบริการนวด สปา ทำผมทำเล็บ ยกเว้นสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาสูบ ผ่าน g-Wallet โดยวงเงินสำหรับการดำเนินโครงการรวม 28,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจเป็นเงิน 268,000 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :