ผู้ว่าฯโคราช ยัน เรือนจำทุกแห่งในจังหวัดไร้ผู้ติดโควิด-19

08 มิ.ย. 2564 | 02:25 น.

ผู้ว่าฯโคราช กำชับ 6 ผบ.เรือนจำ วางมาตรการเข้ม หวั่นผู้ต้องขังติดโควิด 19 ยืนยัน เรือนจำทุกแห่งในจังหวัดนครราชสีมาไร้ผู้ติดเชื้อโควิด

8 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย นายแพทย์สมภพ สังคุตแก้ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครราชสีมา  และผู้บัญชาการเรือนจำอีก 5 แห่งของจังหวัดนครราชสีมา ร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ รายงานมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในเรือนจำให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อประจำจังหวัดฯ ได้รับทราบ หลังเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมทั้ง หารือการวางมาตรการสกัดเชื้อโควิด-19 สู่ผู้ต้องขัง

ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมฯ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ตรวจสอบมาตรการการคัดกรองในส่วนของเจ้าหน้าที่เรือนจำก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งจุดคัดกรองผู้ต้องขังใหม่ในแดนแรกรับภายในเรือนจำกลางนครราชสีมา เปิดเผยว่า สำหรับพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีเรือนจำตั้งในพื้นที่จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ เรือนจำกลางคลองไผ่ อ.สีคิ้ว มีผู้ต้องขัง 4,871  คน, ทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา มีผู้ต้องขัง 2,373  คน, เรือนจำอำเภอสีคิ้ว มีผู้ต้องขัง 1,416 คน, เรือนจำอำเภอบัวใหญ่ มีผู้ต้องขัง 1,233  คน, ทัณฑสถานสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก อ.สีคิ้ว มีผู้ต้องขัง 5,427  คน และเรือนจำกลางนครราชสีมา มีผู้ต้องขัง 2,853  คน

โดยยืนยันว่า ขณะนี้ภายในเรือนจำทั้ง 6 แห่งของจังหวัดฯ ยังไม่พบผู้ต้องขังติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใดซึ่งได้เน้นย้ำให้ทุกเรือนจำควบคุม กำกับดูแล คัดกรองผู้ต้องขัง ทั้งผู้ต้องขังใหม่และเก่าอย่างเข้มงวดทุกเรือนจำ ด้วยการตรวจหาเชื้อเชิงรุกผู้ต้องขังทุกคนตามมาตรการที่วางไว้ ซึ่งการติดเชื้อจากผู้ต้องขังไปสู่ผู้ต้องขังในเรือนจำนั้น ไม่ค่อยน่าเป็นห่วง เนื่องจากที่ผ่านมา ได้มีการงดเยี่ยมสำหรับผู้ต้องขังแล้ว

อย่างไรก็ดี สิ่งที่เป็นกังวล คือ การติดเชื้อจากภายนอกเข้าสู่ภายใน โดยเฉพาะจากเจ้าหน้าที่เรือนจำสู่ผู้ต้องขัง ถึงแม้จะมีการสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ออกนอกพื้นที่เขตจังหวัดแล้วก็ตาม แต่เรือนจำแต่ละแห่งก็ได้มีการตรวจตรวจหาเชื้อจากเจ้าหน้าที่ทุก 14 วัน เพื่อความมั่นใจ พร้อมทั้งเฝ้าระวังไม่เข้าไปในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงครอบครัวด้วย ส่วนการคุมเข้มจากการติดเชื้อจากผู้ต้องขังเข้าใหม่ ผู้ต้องขังไปโรงพยาบาล และผู้ต้องขังออกศาล ได้เพิ่มระยะเวลาการกักตัวจากเดิม 14 วัน เป็น 21 วัน โดยต้องตรวจหาเชื้อ 2 ครั้ง ก่อนเข้าห้องแยกกักโรค และก่อนครบระยะกักตัว 

 

นอกจากนี้ยังได้หาแนวทางต่างๆ เพื่อลดจำนวนผู้ต้องขังเข้าใหม่ ตลอดจน เน้นการไต่สวนผ่านระบบคอนเฟอร์เร้นซ์ เพื่อหลีกเลี่ยงการส่งผู้ต้องขังไปศาล รวมทั้ง เร่งจัดหาวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด19 ให้แก่เจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง โดยขณะนี้ เริ่มฉีดวัคซีนแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในเรือนจำส่วนใหญ่แล้ว สำหรับผู้ต้องขังจะเริ่มในกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัวจนครอบคลุมผู้ต้องขังทุกราย  นายกอบชัยฯ กล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง