กรศ.ร่งพัฒนาคนรับแรงงานขาดแคลนในอีอีซี

20 ต.ค. 2560 | 11:50 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ต.ค. 2560 | 18:48 น.
กรศ.เห็นชอบ 3 แผนขับเคลื่อนอีอีซี โดยเร่งพัฒนาการศึกษารับแรงงานขาดแคลน 1.2 หมื่นคน พร้อมคลอดแนวทางการพัฒนาศูนย์บำรุงอากาศยาน ทีและแอร์บัสลงนามร่วมทุนได้ไตรมาส 3 ปีหน้า

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(กรศ.) มีนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2560 ได้เห็นชอบในหลักการแผนพัฒนาบุคลากร การศึกษา การวิจัยและเทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน 8 แผนงานของแผนพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี เพื่อรองรับความต้องการแรงงานของนักลงทุนใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันยังขาดแคลนอยู่ประมาณ 1.2 หมื่นคน

ทั้งนี้ แผนดังกล่าว จะประกอบด้วยแผนระยะสั้นและระยะยาว มีโครงการเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการ 22 โครงการ และโครงการระยะปานกลางและระยะยาว 13 โครงการ

[caption id="attachment_221829" align="aligncenter" width="503"] คณิศ แสงสุพรรณ คณิศ แสงสุพรรณ[/caption]

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบหลักการสำหรับแนวทางการดำเนินโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา(เอ็มอาร์โอ) โดยให้มีมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐการก่อสร้างโรงซ่อมบริภัณฑ์ โรงพ่นสี พื้นที่ซ่อมบำรุงระดับลาดจอด และสิ่งปลุกสร้างอื่น ๆ ตามความจำเป็นและเหมาะสม นำร่องไปก่อน ในขณะที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีจี จะลงทุนร่วมกับบริษัท แอร์บัส ซึ่งทางทีจีแจ้งว่าจะสามารถลงนามร่วมทุนได้ภายในช่วงไตรมาส 3 ของปีหน้าด้วยงบลงทุนราว 1.1 หมื่นล้านบาท

อีกทั้ง ที่ประชุมยังได้รับทราบหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือพีพีพี และประกาศลำดับรอง ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินงานใน 4 โครงการเร่งด่วน ได้แก่ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการ่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 และโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา เข้าสู่กระบวนการทำพีพีพีได้ และคาดว่าจะสามารถหาผู้ร่วมลงทุนได้ภายในเดือนกันยายน 2561

ทั้งนี้ การเห็นชอบดังกล่าว จะนำเขาสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้