ฝุ่นละออง PM2.5 รายชม.มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลายพื้นที่

20 ม.ค. 2563 | 04:24 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ม.ค. 2563 | 11:31 น.

 

น่าห่วงฝุ่นละออง PM2.5ภาพรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลายพื้นที่ปริมาณฝุ่นละอองอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (พื้นที่สีส้ม) 49 พื้นที่

นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.)กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองรายชั่วโมง เวลา 06.00 -07.00 น.วันที่ 20 มกราคม 2563 ตรวจวัดค่าได้ 47 – 89 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร( มคก./ลบ.ม.) ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม ภาพรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลายพื้นที่จากเมื่อวาน พื้นที่ที่มีปริมาณฝุ่นละอองอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (พื้นที่สีส้ม) 49 พื้นที่ สาเหตุของการเพิ่มขึ้นของค่าฝุ่นละออง  ไล่ตั้งแต่จากสภาพอุตุนิยมวิทยา  (ปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้) ซึ่งในเช้าวันนี้ ยังคงเกิดภาวะลมสงบตั้งแต่ช่วงกลางคืนวันที่ 19 มกราคม 2563 ต่อเนื่องถึงเช้าในหลายพื้นที่ของ กทม.และปริมณฑล ทำให้การกระจายตัวของฝุ่นละลองยังคงอยู่ในระดับต่ำอยู่   ประกอบกับสภาพความกดอากาศในพื้นที่ประเทศไทย เมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดภาวะฝาชีครอบ (inversion) ในระดับต่ำกว่า 1 กม.(ปกติ ควรสูงกว่า 3.0 กม.)  ทำให้ฝุ่นไม่สามารถลอยขึ้นไปได้ และยังคงมีการสะสมตัวของฝุ่นละอองตั้งแต่เมื่อวานต่อเนื่องมาจนถึงเช้าของวันนี้เพิ่มสูงขึ้น

ด้านการจราจรเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 19 มกราคม 2563 ในช่วงกลางวันค่อนข้างจะหนาแน่นต่อเนื่อง ประกอบกับมีการสะสมตัวของฝุ่นละอองเพิ่มขึ้น จนทำให้ปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 ยังคงอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพในช่วงเช้านี้ต่อเนื่องมา

ล่าสุด คพ.ได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันบูรณาการภารกิจตามแผนฯอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกในการจราจร เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด โดยทางบก.จร.ได้จัดชุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรลงจัดการจราจรในพื้นที่ที่การจราจรติดขัดหนักอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ การปฏิบัติตนเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มีค่าคุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐานในช่วงนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งเตือน ให้ประชาชนที่อยู่ใน กลุ่มเสี่ยงทางสุขภาพที่จะได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 ได้แก่ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว ในพื้นที่ที่ฝุ่นละอองเกินมาตรฐานควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านเป็นเวลานาน ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อเป็นการป้องกันฝุ่นละออง รวมถึงป้องกันโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นไป ตามหลักการป้องกันไว้ก่อน

   

ด้านกรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการประสานและขอให้เข้มงวดในมาตรการที่ได้ผ่านมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา  ตามบัญชาท่านนายกรัฐมนตรี ที่ให้ทุกหน่วยงานเร่งรัด อย่างเข้มงวด และเร่งด่วนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ให้ดีขึ้น  โดยเฉพาะหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมขนส่งทางบก กรมทางหลวง กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) กรุงเทพมหานคร กรมการขนส่งทางบก องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ  กรมทางหลวง กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรฯ จังหวัดปริมณฑล ยังคงดำเนินการตามมาตรการอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง อาทิ จัดชุดตรวจการ 16 ชุด ตรวจทุกวัน

ฝุ่นละออง PM2.5 รายชม.มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลายพื้นที่

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2563 ลงพื้นที่ตั้งจุดตรวจวัดควันดำรถบรรทุก และรถโดยสาร รวมทั้งสิ้น 304 คัน  เข้มงวดการห้ามรถบรรทุกเข้าเขตกรุงเทพมหานครตามช่วงเวลาที่กำหนด เข้มงวดตรวจจับควันดำรถบรรทุกขนาดใหญ่และรถโดยสาร อำนวยความสะดวกด้านการจราจร เร่งการระบายรถโดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ก่อสร้างและกวดขันจับกุมรถจอดขวางการจราจร เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด รณรงค์ให้ผู้ใช้ทางหันมาใช้ M-Pass และ Easy Pass เพิ่มความคล่องตัวในการจราจร ควบคุมการระบายมลพิษทางอากาศอย่างเข้มงวด โดย กรอ.ประสาน โรงงานอุตสาหกรรมลดกำลังการผลิตในช่วงสถานการณ์ฝุ่นละอองสูง  ไม่ให้มีการเผาในที่โล่งในพื้นที่ กทม และปริมณฑล  จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว เฝ้าระวังการเผาไหม้ข้างทาง พร้อมปฏิบัติการ 24 ชม.ควบคุมและลดฝุ่นจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าและการก่อสร้างประเภทอื่นๆ  พร้อมทั้งเร่งคืนผิวการจราจรให้แก่ประชาชนเพื่อลดปัญหาการจราจรที่ติดขัดในช่วงกลางวัน /แจ้งเตือนสถานการณ์และแนะนำการปฏิบัติตนของประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์

ฝุ่นละออง PM2.5 รายชม.มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลายพื้นที่