นางจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมของบริษัท ถือเป็นที่ต้องการในการใช้งานทั้งเพื่อการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ และบุคคลทั่วไป ที่ต้องการความสะอาด และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ในช่วงที่ผ่านมา จึงทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ถุงมือยางเพิ่มขึ้น ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดขายเติบโต 40% จากปกติที่เติบโตเฉลี่ยทั้งปีอยู่ 12% โดยปัจจุบัน เพิ่มกำลังการผลิตเต็มกำลัง (full capacity) โดยปัจจุบันศรีตรังโกลฟส์มี 5 โรงงาน ใน 3 จังหวัด ได้แก่ สงขลา สุราษฎร์ธานี และตรัง
อย่างไรก็ตาม หลังวิกฤติการณ์โควิด -19 บริษัทฯ ยังเห็นโอกาสการขยายตัวของธุรกิจต่อเนื่อง เพราะพฤติกรรมคนส่วนใหญ่จะเปลี่ยนไป คนจะระมัดระวังตัวมากขึ้น สิ่งที่ศรีตรังโกลฟส์ต้องทำคือ การศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคและสนองตอบ โดยบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการวิจัย และพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด อาทิ ถุงมือยางหลากสี และอนนาคต จะพัฒนาไปถึงถุงมือยางที่มีกลิ่น
นางจริญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นสู่ท็อป 3 ของอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยางในตลาดโลก ภายในปี 2564 จากปัจจุบันที่อยู่ในอันคับท็อป 5 โดยมีแผนขยายกำลังการผลิต ภายในปี 2568 เพิ่มอีก 2 หมื่นล้านชิ้น ทำให้บริษัทฯ มีกำลังผลิตทั้งหมด 5 หมื่นล้านชิ้น พร้อมกันนี้ ศรีตรังโกลฟส์จะเดินหน้ากระบวนการจำหน่ายหุ้นหลังผลประกอบการ Q1/63 และหากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มฟื้นตัว คาดว่า บริษัทฯ จะเดินได้ตามแผนเดิม คือเข้าจดทะเบียนได้ช่วงกลางปีนี้ โดยขณะนี้ ก.ล.ต. อนุมัติคำขอเรียบร้อยแล้ว