นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รักษาการเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังพร้อมเข้าสู่เทคโนโลยี "บล็อคเชน" อย่างเต็มรูปแบบ ความก้าวหน้าล่าสุด คือ ได้จัดการประชุมผู้ผลิต B100 ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 และผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อเริ่มนำร่องการซื้อ-ขาย ปาล์ม CPO และB100 ผ่านระบบในแอพพลิเคชั่น เพื่อตรวจสอบปัญหาและอุปสรรคก่อนนำมาใช้ในการซื้อขายจริง
ทั้งนี้ ยืนยันว่า ระบบดังกล่าวจะเข้ามาช่วยยกระดับราคาสินค้าเกษตรตกต่ำในระยะยาวและยั่งยืน เพราะข้อมูลทั้งหมดจะโปร่งใสเห็นกลไกการตลาดทั้งในด้านราคา ตลอดจนปริมาณจากผู้ผลิต และการกำหนดราคาของผู้ซื้ออย่างเป็นธรรมและยังเป็นกลไกหนึ่งในการป้องกันการลักลอบนำเข้า เพราะโรงกลั่นต้องซื้อ CPO จากบล็อกเชนเท่านั้น และทำให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันและความสมดุลต่อภาคอุตสาหกรรม รวมถึงทำให้ธุรกิจปาล์มมีการผลิตและเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต
ส่วนประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคพลังประชารัฐ และคณะรัฐมนตรีนั้น ตนขอยุติปมประเด็นการเมือง แล้วขอมุ่งหน้าทำงานให้เหมาะสมกับภาระหน้าที่ที่ได้รับความไว้วางใจจากนายกฯและประชาชน ซึ่งขณะนี้กระทรวงพลังงานมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเช่น บล็อกเชน เข้ามาช่วยวางรากฐานการยกระดับศักยภาพด้านพลังงาน
นอกจากจะเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ อันเป็นความหวังในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซาจาก "โควิด-19" (Covid-19) แล้ว เทคโนโลยีบล็อกเชน จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร ทำให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันและความสมดุลต่อภาคอุตสาหกรรม รวมถึงทำให้ธุรกิจปาล์มมีการผลิตและเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต การแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมัน ต้องขับเคลื่อนไปเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับเกษตรกร เราใช้มิติพลังงานแก้ปัญหาพืชผลการเกษตร และโอกาสที่จะขยายไปสู่พืชพลังงานตัวอื่นด้วย เช่น อ้อยและมันสำปะหลัง