เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ การระเบิดของสารแอมโมเนียมไนเตรท (Ammonium Nitrate) จำนวนกว่า 2,500 ตัน ณ ท่าเรือกรุงเบรุต สาธารณรัฐเลบานอน ได้ก่อความเสียหายรุนแรงในวงกว้างนั้น การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ได้มีมาตรการที่รัดกุมในการดำเนินการในการจัดเก็บและส่งมอบสินค้าอันตรายมาโดยตลอด ทั้งที่ท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.) และท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) โดยปฏิบัติตามกฎของ International Maritime Dangerous Goods Code (IMDG Code) อย่างเคร่งครัด อันจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการจัดเก็บและขนถ่ายได้เป็นอย่างดี
สำหรับที่ ทกท. ได้จำแนกแอมโมเนียไนเตรทที่มีความเสี่ยงเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 ได้แก่ Class 1.1D, UN0222, AMMONIUM NITRATE (วัตถุระเบิด) กลุ่มนี้จะห้ามขนส่ง ผ่าน ทกท. กลุ่มที่ 2 ได้แก่ แอมโมเนียมไนเตรทที่เป็น UN1942, UN2067, UN3375 (ตัวเติมออกซิเจน) สามารถขนถ่ายผ่าน ทกท. ได้ แต่จะไม่สามารถฝากเก็บในพื้นที่ ทกท. ต้องดำเนินพิธีการขนถ่ายข้างลำเรือทั้งขาเข้าและขาออก ปัจจุบันยังมีการยกเว้นให้ฝากเก็บได้ในกรณีที่น้ำหนักสุทธิไม่เกิน 2,000 กิโลกรัม กลุ่มที่ 3 ได้แก่ Class 9, UN2071, AMMONIUM NITRATE BASED FERTILIZER (สารอันตรายเบ็ดเตล็ด) ไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดการระเบิด แต่ยังคงมีกลิ่นและไอพิษออกมาเล็กน้อย ถูกจัดเป็นสินค้าอันตรายที่มีความเสี่ยงต่ำ สามารถฝากเก็บได้ในเขต ทกท. ไม่เกิน 5 วันทำการ ส่วนที่ ทลฉ. ได้จำแนกแอมโมเนียไนเตรทที่มีความเสี่ยงเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 ได้แก่ Class 1.1D, UN0222, AMMONIUM NITRATE (วัตถุระเบิด) ให้ทำการขนถ่ายใน ทลฉ. ได้ แต่ไม่รับฝากเก็บ หรือวางพักหน้าท่าเทียบเรือ ต้องนำออกจากบริเวณ ทลฉ. ทันทีที่ขนถ่ายขึ้นจากเรือหรือบรรทุกลงเรือโดยตรง กลุ่มที่ 2 ได้แก่ แอมโมเนียมไนเตรทที่เป็น Class 5.1 UN1942, UN2067, UN3375 และ Class 9, UN2071, AMMONIUM NITRATE BASED FERTILIZER สามารถขนถ่ายผ่าน ทลฉ. ได้ โดยต้องนำมาฝากเก็บที่คลังสินค้าอันตรายเท่านั้น
ทั้งนี้ กทท. ได้คำนึงถึงความปลอดภัยในการรับฝากสินค้าอันตรายให้มีความรัดกุม โดยมีการเพิ่มมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงจากการขนถ่ายสินค้าอันตรายตามสภาพแวดล้อมและข้อบังคับสากลที่เปลี่ยนแปลงไป ให้มีความปลอดภัยตามมาตรฐานการขนส่งสินค้าอันตรายระหว่างประเทศ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ