นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ว่า บริษัท มีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 719 ล้านบาท และมี กำไรสุทธิ 131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.8 % เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 100 ล้านบาท โดย Gross Margin เพิ่มขึ้นจาก 10.7% มาอยู่ที่ 21.2% ขณะที่ EBITDA งวด 6 เดือนแรกปี 2563 อยู่ที่ 223 ล้านบาทจากเป้าหมายปี 2563 ที่ 350 ล้านบาท
สำหรับไตรมาส 2/2563 บริษัทฯ ยอมรับว่า COVID-19 และราคาน้ำมันที่ผันผวนอย่างมากนั้น มีผลกระทบให้ยอดขาย Trading ชะลอลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งกำไรสุทธิของฝั่ง Trading มีการปรับลดเล็กน้อยจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการขายและการให้บริการปรับตัวลงมาที่ 352 ล้านบาท ถึงอย่างนั้น บริษัทได้มีการดำเนินงานและกลยุทธ์รองรับความเสี่ยงจาก COVID-19 ทำให้ Gross Margin ปรับตัวสูงขึ้นจาก 12.4% มาอยู่ที่ 18.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี2562
นอกจากนี้ที่เด่นมากคือส่วนแบ่งกำไรสุทธิจากเงินลงทุนใน กิจการไบโอดีเซล ในไตรมาส 2 ยังอยู่ในระดับดีจากอานิสงค์การส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง โดยปรับให้มีการใช้น้ำมันดีเซลจาก B7 เป็น B10 และคาดว่าความต้องการน้ำมันดีเซลในครึ่งหลังของปีนี้ มีโอกาสปรับสูงขึ้นตามการผ่อนคลายเรื่องโควิด-19 ส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจไบโอดีเซลให้เติบโตต่อเนื่องนช่วงครึ่งหลังของปีนี้
นายชัชพล ประสพโชค
ภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลัง 2563 บริษัทฯยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ “25 ปี ก้าวต่อไปด้วยความยั่งยืน” ซึ่งประกอบไปด้วย แผนขยายการลงทุนทั้งในประเทศ และกลุ่มประเทศ CLMV เน้นสร้างอัตราการเติบโตในของธุรกิจให้ตอบโจทย์ทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ Trading ธุรกิจสะอาดและธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน circular economy ในระดับภูมิภาคต่อไป
นอกจากนี้ ยังมองว่าหลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบการภาครัฐบาลเริ่มมี มาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ในครึ่งปีหลังแนวโน้มกลุ่มผู้ประกอบการ รวมถึงกลุ่มบริษัทจดทะเบียน ก็เริ่มทยอยฟื้นตัวและกลับมาเปิดดำเนินการทางธุรกิจได้อีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจด้านการบริการและการท่องเที่ยว ซึ่งหากกลุ่มดังกล่าวฟื้นตัว ทำให้ การบริโภคน้ำมันและพลังงานเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ UAC ได้อานิสงส์เชิงบวกต่อธุรกิจของบริษัทฯ ในการขับเคลื่อนองค์กร ให้มีการเติบโตและรักษาระดับของกำไร (Bottom Line) ให้ใกล้เคียงเป้าหมายเดิม และพยายามรักษา EBITDA ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้
ส่วน การลงทุนในสปป.ลาว นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างในเฟสแรก ซึ่งเป็น โครงการบริหารจัดการขยะ เบื้องต้นคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้ ส่วนเฟส 2 โรงไฟฟ้าขยะ ขนาด 6 เมกะวัตต์ จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2564 ขณะที่โครงการอื่นๆ ของบริษัทฯ อาทิ โครงการที่แม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และสุโขทัย ยังคงดำเนินการตามปกติ
ส่วนแผน ลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชนนั้น มองว่าในเบื้องต้นอาจจะมีการล่าช้าจากแผนเดิม เนื่องจาก ต้องรอนโยบานความชัดเจนในเรื่องการส่งเสริมพลังงานของนายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าจะมีการสานต่อนโยบายดังกล่าวอย่างแน่นอน เนื่องจากตามแผนนโยบายภาครัฐบาลนั้น โครงการนี้เป็นการสร้างโอกาสให้วิสาหกิจชุมชน เพิ่มรายได้ที่มั่นคงใน เศรษฐกิจระดับฐานราก ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมต่อประเทศในอนาคต
อย่างไรก็ตามในช่วงก่อนหน้านี้บริษัทฯ เตรียมเอกสารพร้อมยื่นเข้าประมูลโรงไฟฟ้าชุมชนรอบ Quick Win โดยจะเสนอ โครงการก๊าซชีวภาพที่ภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น ขนาด 3 เมกะวัตต์ ให้ทางกระทรวงพลังงานพิจารณา จากเป้าหมายการลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชน ทั้งหมด 30 เมกะวัตต์