1 ตุลาคม 2563 ความคืบหน้ากรณีสหรัฐประกาศระงับสิทธิพิเศษทางการค้า สินค้าไทยเพิ่มเติม 231 รายการ ภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ "GSP" โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 ธันวาคม 2563 โดยอ้างไทยไม่มีการเปิดตลาดสินค้าสุกรและผลิตภัณฑ์อย่างเป็นธรรม แม้ไทยจะชี้แจงอย่างต่อเนื่องถึงผลกระทบด้านสุขภาพและสุขอนามัยของประชาชน
อย่างไรก็ตามการตัดสิทธิ GSP สินค้าไทยจำนวน 231 รายการนั้นเป็นสินค้าที่มีการใช้สิทธิพิเศษทางภาษีจริงในปี 2562 จำนวน 147 รายการ มูลค่าการนำเข้าประมาณ 604 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นภาษีที่ต้องกลับไปเสียในอัตราปกติมูลค่าประมาณ 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ระบุว่า เมื่อพจารณาจากสินค้าที่มีการใช้สิทธิ GSP ที่มีอัตราภาษีสูง จะมีสินกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบ อาทิ
1.อุปกรณ์ชิ้นส่วน ยานยนต์และส่วนประกอบ
2. พวงมาลัยรถยนต์
3. ล้อรถยนต์
4. กระปุกเกียร์
5. กรอบโครงสร้างแว่นตา ทําด้วยพลาสติก
6. เคมีภัณฑ์
7. เกลือฟลูออรีน
8. ที่นอนและฟูกทําด้วยยางหรือพลาสติก
9. หลอดและท่อทําด้วยยางวัลแคไนซ์
10. อะลูมิเนียมเจือแผ่นบาง
อย่างไรก็ตามการให้สิทธิ GSP นั้นเป็นการให้ฝ่ายเดียวโดยสหรัฐฯ ซึ่งที่ผ่านมาไทยและสหรัฐได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้มาโดยตลอดผ่านเวที TIFA (Trade and Investment Framework Agreement) หลังจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ จะเร่งดำเนินการในการประสานกับฝ่ายสหรัฐ
โดยสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ ยินดีหากไทยจะหาทางออกร่วมกันในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากสิทธิ GSP จะช่วยทำให้ผู้ส่งออกไทยและผู้นำเข้าสหรัฐฯ สามารถลดภาระภาษี ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมพร้อมมาตรการรองรับผลกระทบจากการระงับสิทธิ GSP เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยแล้ว โดยในเบื้องต้นวางแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างหลากหลาย อาทิ
ผู้ประกอบการสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมรวมถึงแจ้งเรื่องผลกระทบที่ได้รับได้ผ่านทางไลน์แอปพลิเคชั่นชื่อบัญชี “GSP_helper” หรือสายด่วน 1385 รวมถึงเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th