‘ไทยยูเนี่ยน’ยอดขาย-กำไรดีสุดรอบ 5 ปี ดันแผน 5 ปีสู่ 5 พันล้านดอลล์

13 พ.ย. 2563 | 01:32 น.
อัปเดตล่าสุด :20 พ.ย. 2563 | 02:37 น.

ส่องแผน 5 ปี “ไทยยูเนี่ยน” รักษาเบอร์ 1 ราชาทูน่าโลก สู่เป้าหมายรายได้ 5,200 ล้านดอลลาร์ ปี 64 เตรียมลงทุนอีกกว่าพันล้าน ตั้งรง.โปรตีนทางเลือกในไทยและห้องเย็นในกานา “ธีรพงศ์” ชี้อานิสงส์โควิดดันผลงานปี 63 ดีสุดรอบ 5 ปี จากนี้เน้นกำไรโตมากกว่ายอดขาย

ไทยยังครองเบอร์ 1 ผู้ผลิตและส่งออกทูน่ากระป๋องและผลิตภัณฑ์ทูน่าของโลกไว้ได้อย่างเหนียวแน่นโดยปี 2562 มีปริมาณส่งออก 5.32 แสนตัน ส่วนแบ่งตลาดโลก 33% มีมูลค่าส่งออก 6.76 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 7% จากเงินบาทแข็งค่า ส่วน 9 เดือนแรกปี 2563 ไทยส่งออกทูน่ากระป๋องและผลิตภัณฑ์ทูน่า 4.5 แสนตัน เพิ่มขึ้น 14% มีมูลค่า 5.72 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับยอดขายของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ TU ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ทูน่ารายใหญ่สุดของไทยและของโลกที่มียอดขายและกำไรที่เพิ่มขึ้น

 

นายธีรพงศ์  จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TU เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ยอดขายของไทยยูเนี่ยนใน 3 ไตรมาส หรือ 9  เดือนแรกปี 2563 มีมูลค่า 98,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรขั้นต้น(gross profit) ที่ 17,395 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.4% ทั้งนี้เป็นผลจากโควิด-19 ทำให้ทูน่าประป๋องที่อยู่ในกลุ่มอาหารซึ่งเป็นสินค้าจำเป็นมียอดขายทั่วโลกสูงขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นผลจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทางกลุ่มมีการปรับลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และตัดธุรกิจที่ไม่ทำกำไรออกไป ยังผลถึงยอดขายและกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นมากในปีนี้ ทำให้รอบ 9 เดือนมีกระแสเงินสด (cash flow) กว่า 9,000 ล้านบาท ซึ่งเทียบเท่ากับปีที่ผ่านมาทั้งปี ทำให้สามารถซื้อหุ้นคืนได้กว่า 2% หรือ 116 ล้านหุ้น และมีการจ่ายเงินปันผลผู้ถือหุ้นช่วงครึ่งปีแรกสูงกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 28% และจากมีการควบคุมการลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (capex) ที่ดี ทำให้งบที่ตั้งไว้ 4,900 ล้านบาท ปีนี้ใช้เพียง 3,700 ล้านบาทเท่านั้น 

“คาดทั้งปีนี้ไทยยูเนี่ยนจะมีอัตราการขยายตัวของยอดขายจากฐานผลิต 16 แห่งใน 12 ประเทศที่ส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 5% (ปี 2562 มียอดขาย 126,270 ล้านบาท) และมีกำไรเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 15% ซึ่งปีนี้ถือเป็นปีที่ดีของบริษัทในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มสินค้าที่โตมากคืออาหารทะเลกระป๋อง และอาหารสัตว์เลี้ยง ส่วนอาหารทะเลแช่แข็งเติบโตลดลงจากส่วนหนึ่งมีการขายเข้าสู่กลุ่มลูกค้าโรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากโควิดค่อนข้างมาก

 

อย่างไรก็ดี ภาพรวมของอุตสาหกรรมทูน่าไทย ณ ปัจจุบันยังมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ของโลกสัดส่วนมากกว่า 30% ในจำนวนนี้กลุ่มไทยยูเนี่ยนมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 18%”

 

‘ไทยยูเนี่ยน’ยอดขาย-กำไรดีสุดรอบ 5 ปี ดันแผน 5 ปีสู่ 5 พันล้านดอลล์

สำหรับการลงทุนที่สำคัญของทางกลุ่มในรอบปี 2563  ไม่ได้มีการซื้อและควบรวมกิจการ (M&A)ใหม่ ๆ เหมือนก่อนหน้านี้ เพราะธุรกิจที่สำคัญส่วนใหญ่ได้ซื้อหมดแล้ว จากนี้จะมองหาธุรกิจใหม่ ล่าสุดได้ร่วมลงทุนในสตาร์ตอัพ 4 บริษัททางด้านธุรกิจนวัตกรรมอาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน,บริษัทโปรตีนจากแมลงและอี-คอมเมิร์ซ,บริษัทเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และธุรกิจบริหารกองทุนที่มองหาโอกาสความร่วมมือและร่วมลงทุนในเทคโนโลยีอาหาร ตั้งงบร่วมทุนไว้ทั้งหมด 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ปี 2563-2568) ปีนี้ได้ลงเม็ดเงินไปแล้วไม่ถึง 5 ล้านดอลลาร์

 

‘ไทยยูเนี่ยน’ยอดขาย-กำไรดีสุดรอบ 5 ปี ดันแผน 5 ปีสู่ 5 พันล้านดอลล์

 

“ส่วนในปี 2564 มีโครงการลงทุนของเราเอง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการลงทุนห้องเย็นที่กานา ประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และโรงงานโปรตีนทางเลือกที่สมุทรสาครอีกประมาณ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (รวม 2 โครงการประมาณ 1,085 ล้านบาท คำนวณที่ 31 บาทต่อดอลลาร์) และลงทุนในศูนย์นวัตกรรมของบริษัทประมาณ 400 ล้านบาทต่อปี เพื่อคิดค้นสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ มีมูลค่าเพิ่มสูงออกสู่ตลาดให้มากขึ้นตั้งเป้าสัดส่วน 10% ของรายได้ในอนาคต ขณะที่ได้ตั้งเป้าหมายรายได้ของกลุ่มใหม่ ในปี 2564- 2568 จะมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างน้อยปีละ 5% และมียอดขายในปี 2568 ที่ 5,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากนี้ไม่เน้นยอดขายมาก แต่จะเน้นการเติบโตของผลกำไรที่ตัวเลขสองหลัก หรือระดับ 16-17%  ต่อปี” 

 

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจหน้า 9 ฉบับที่ 3626 วันที่ 12-14 พฤศจิกายน 2563

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไทยยูเนี่ยน Q3 กำไรพุ่ง 50% โควิดยอดขายโต 3.4 หมื่นล้าน

“ไทยยูเนี่ยน”ทำนิวไฮ ยอดขาย Q1 สูงสุดรอบ 3 ปี

ไทยยูเนี่ยน คว้ารางวัลซีอีโอยอดเยี่ยมเอเชีย