1 ธันวาคม2563 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิช เปิดเผยว่า ได้ลงนามนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ โดยขอเพิ่มวงเงินงบประมาณ โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 รอบที่ 1 โดยกระทรวงพาณิชย์จะขอวงเงินเพิ่มเติมอีก จำนวน 28,711 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลได้จ่ายให้กับชาวนาไปแล้วจำนวน จำนวน 18,096 ล้านบาท เริ่มจ่ายตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.2563 เป็นต้นมาแล้ว สำหรับงวดแรกและงวดต่อไปก็จะจ่ายทุกสัปดาห์
ดังนั้น รอบต่อไปจะเป็นวันที่ 7 ธันวาคม 2563 ตามเงื่อนไขหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยเกษตรกรจะได้ส่วนต่างสูงสุด คือ 40,000 บาท จากการปลูกข้าวหอมมะลิ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"ประกันรายได้ยางพารา" จบไม่ลง ยังไร้ข้อสรุป
โครงการตู้เย็นข้างบ้านต้านภัย covid-19 คืบ "แจกเมล็ดผัก"แล้ว 81.84%
บบข.คอนเฟิร์ม ช่วยชาวนาไร่ละ 500 บาท ธ.ก.ส.โอนจ่าย 3 ธ.ค.
นายจุรินทร์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังกล่าวด้วยว่า ส่วนเงินช่วยสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพข้าวไร่ละ 1000 บาทสูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ ซึ่งเกษตรกรจะได้สูงสุดรายละ 20,000 บาทนั้น จะจ่ายให้ครึ่งหนึ่งก่อนซึ่งเป็นเงินไร่ละ 500 บาทโดยจะเริ่มจ่ายวันที่1-5 ธันวาคมนี้ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรชาวนาผู้ปลูกข้าวที่รออยู่ได้รับทราบ
สำหรับโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนั้น ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 63 วงเงิน 28,046 ล้านบาท โดยจะจ่ายผ่านบัญชีชาวนาโดยตรงตั้งแต่วันที่ 1-5 ธ.ค. 2563 จำนวนเกษตรกรได้รับประโยชน์ประมาณ 4.35 ล้านครัวเรือน
"โครงการนี้เป็นมาตรการเสริมและคู่ขนานกับโครงการประกันรายได้เกษตรกร ซึ่งนอกเหนือจากโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพข้าวนี้แล้ว รัฐบาลยังมีมาตรการคู่ขนานอย่างอื่น เช่น โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก เป็นต้น " นายจุรินทร์ กล่าว
ส่วนเรื่องมันสำปะหลัง นายจุรินทร์ ระบุว่า จะจ่ายเงินส่วนต่างวันแรกคือวันนี้(วันนี้ 1 ธันวาคม 2563 ) เป็นวันจ่ายเงินโอนเข้าบัญชีให้เกษตรกรมันสำปะหลังโดยตรง ซึ่งเงินส่วนต่างงวดนี้จะได้ 26 สตางค์ต่อกิโลกรัม และเกษตรกรที่ได้สูงสุดคือประมาณ 26,000 บาท เนื่องจากประกันรายได้ไว้ที่กิโลกรัมละ 2.50 บาทไม่เกิน 100 ตัน