แหล่งข่าวเกษตรกรชาวไร่ข้าวโพด เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า รัฐบาลจีนอนุญาตให้ "ปลูกข้าวโพด" จีเอ็มโอ เพื่อเพิ่มผลผลิต แถมจะปลูกเพิ่มเป็น 255 ล้านไร่ อนาคตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดและมันสำปะหลังต้องรู้ “เมื่อจีนอนุมัติให้ใช้พันธ์ข้าวโพดจีเอ็มโอ ทนต่อหนอนแมลงและยาปราบศัตรูพืชแล้ว” ถามว่าจะกระทบต่อเกษตรกรไทยอย่างไร
“เหมือนเป็นเรื่องไกลตัว แต่ถ้าผลผลิตจีนเพิ่มในฤดูกาลที่จะมาถึงเพราะลดความเสี่ยงเรื่องหนอนแมลง บรรเทาเรื่องโรค และง่ายต่อการกำจัดวัชพืช ทำให้มีโอกาสผลผลิตเพิ่มขึ้นสูง จากตัวอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากใช้พันธุ์ข้าวโพด จีเอ็มโอพร้อมกับการพัฒนาการเพาะปลูกอย่างต่อเนื่องผลผลิตเพิ่มถึงกว่า 400-500 กิโลกรัมต่อไร่
ถ้าจีนปลูกสายพันธุ์จีเอ็มโอแล้ว ตั้งสมติฐานให้เพิ่ม 300 กิโลกรัม/ไร่ จาก 255 ล้านไร่ ผลผลิตทั้งประเทศจะเพิ่มถึง 76.5 ล้านตัน ข้าวโพดในประเทศจีนจะพอใช้ ไม่ต้องนำเข้า แถมนำมาผลิตเอทานอลได้เพิ่ม มีโอกาสลดการนำเข้ามันสำปะหลังไทยอีกด้วย
นอกจากนี้ข้าวโพดประเทศเมียนมา และลาว ที่เคยส่งไปจีน ก็จะมาขายในไทยเป็นส่วนใหญ่ ดีไม่ดีข้าวโพดจีนอาจถูกส่งผ่านเมียนมา ลาวเข้าไทยด้วยก็ได้ ดังนั้นโอกาสที่ราคาข้าวโพดไทยรวมถึงมันสำปะหลังไทยคงจะอยู่ในระดับต่ำ แม้แต่ราคาข้าวโพดในตลาดโลกก็มีโอกาสลดลงด้วยเพราะจีนเป็นแหล่งปลูกข้าวโพดที่สำคัญอันดับ 2 ของโลก อนาคตเกษตรกรไทยพืชไร่ไทยต้องปรับตัวอย่างไร
ส่วนสถานการณ์ราคาข้าวโพดตลาดโลก ปัจจุบันราคาข้าวโพดสหรัฐอเมริกาขึ้นสูงสุดในรอบ 7 ปี สู่ระดับราคา 6.18 บาท/กิโลกรัม (อัตราแลกเปลี่ยน 30 บาท/1 เหรียญอเมริกา) เทียบกับมกราคาปีที่แล้วราคาข้าวโพดอเมริกาอยู่ประมาณ 4.72 บาท/กิโลกรัม ผลผลิตต่อไร่ลดลงต่ำกว่าที่คาด จากเฉลี่ยประมาณ 1,765 ก.ก./ไร่ เหลือประมาณ 1,727 ก.ก./ไร่ ผลผลิตข้าวโพดสหรัฐอเมริการวมทั้งปี 2563 ประมาณ 360.25 ล้านตัน
แต่ถ้าเปรียบเทียบข้าวโพดไทยผลผลิตเฉลี่ย ประมาณ 700 ก.ก./ไร่ แต่ละปีไทยผลิตได้รวมประมาณ 4-5 ล้านตัน จะเอาต้นทุนอะไรไปแข่งในตลาดโลกแค่ประเทศเมียนมายังสู้ยากเลย เมื่อโจทย์เป็นแบบนี้ อนาคตของเกษตรกรจะต้องปรับตัวอย่างไร
อนึ่ง ตลาดชิคาโก ณ วันที่ 13 มกราคม 2564 รายงานสถานการณ์ ราคาข้าวโพดยังขยับทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา หลังจากขยับขึ้นสูงสุดในปี 2548 จากเหตุภัยแล้งในทวีปอเมริกาใต้ และเพาะปลูกล่าช้า
ส่วนถั่วเหลือง และ ข้าวสาลี ร่วงลงสู่แดนลบด้วยแรงขายทำกำไร เกิดจากความไม่แน่นอนของรัสเซียที่เกี่ยวกับโควตาการส่งออก ซึ่งจะมีผลทำให้ราคาแพงขึ้น ทำให้ประเทศคู่ค้าหลัก เช่น ตุรกี อียิปต์และ บังคลาเทศอาจจะหันไปซื้อจากแหล่งข่าว อีกทั้ง "ข้าวสาลี" ถูกกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่สูงขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เคาะประกันข้าวโพด 8.50 บาท ดีเดย์จ่าย 20 ธ.ค.
“พาณิชย์” เคาะแล้ว “ประกันรายได้ข้าวโพด” งวดที่ 2 รอบนี้จ่ายสูงสุด 6,844.8 บาท