“พาณิชย์”ชี้ค้าไทย-เมียนมา กลับเป็นปกติคาดส่งออกดีขึ้น

02 ก.พ. 2564 | 04:52 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.พ. 2564 | 04:54 น.

“พาณิชย์” ตามสถานการณ์การค้าไทย-เมียนมา พบไม่ได้รับผลกระทบ หลังล่าสุดมีการเปิดด่านและระบบการสื่อสารกลับเป็นปกติ สินค้าสามารถขนส่งผ่านแดนได้ ส่วนการส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้น หลังสถานการณ์คลี่คลาย เหตุสินค้าไทยยังคงเป็นที่ต้องการ และภาคธุรกิจยังไม่ได้รับผลกระทบ คงทำธุรกิจต่อไปได้

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ  เปิดเผยว่า ขณะนี้การขนส่งสินค้าข้ามชายแดนเมียนมาได้มีการเปิดการค้าขายเป็นปกติแล้ว หลังจากที่เมียนมาได้ประกาศปิดด่านชายแดนเป็นการชั่วคราว  รวมทั้งระบบสื่อสารทั้งทางมือถือและอินเทอร์เนตขณะนี้สามารถกลับมาใช้งานได้ปกติส่วนสถานการณ์การบริโภคสินค้า ประชาชนชาวเมียนมาได้มีการกักตุนสินค้า มีการต่อแถวซื้อสินค้าในตลาดและร้านค้าเป็นคิวยาว โดยเฉพาะอาหาร เนื้อสัตว์ และน้ำดื่ม แต่จากการสำรวจขณะนี้ยังคงมีสินค้าเข้ามาเติมในชั้นสินค้าและในตลาดได้เพียงพอ ซึ่งคาดว่าการส่งออกของไทยไปยังเมียนมา จะยังคงทำได้ดี หลังสถานการณ์ดีขึ้น และส่งผลให้ยอดการส่งออกไม่ได้รับผลกระทบในระยะยาว เพราะเมียนมายังคงมีความต้องการสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค และภาคธุรกิจยังคงอนุญาตให้สามารถดำเนินการต่อไปได้ ไม่ได้มีประกาศห้ามใดๆ จากกองทัพเมียนมา โดยกรมจะหารือกับภาคเอกชนเพื่อเตรียมแผนรองรับความต้องการสินค้าไทยให้สามารถกระจายไปได้ตามความต้องการในตลาดต่อไป

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

 

        ​ สำหรับด้านการเงิน ธนาคารกลางเมียนมาประกาศให้ธนาคารปิดทำการในวันที่ 1 ก.พ.2564 เป็นการชั่วคราว จึงกระทบต่อความต้องการเงินสดในระบบเศรษฐกิจ และส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และตลาดทองในเมียนมา โดยมีประชาชนไปกดเงินจากตู้ ATM เป็นจำนวนมาก และมีการกว้านซื้อทองและเงินดอลล่าร์ในตลาดจนราคาอาจพุ่งสูง

         ​

 

ปัจจุบัน การค้าระหว่างไทยและเมียนมา ในปี 2563 (ม.ค.-ธ.ค.) มีมูลค่า 197,790 ล้านบาท แบ่งเป็นไทยส่งออกไปยังเมียนมาเป็นมูลค่า 113,940 ล้านบาท สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องดื่ม น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องจักรกล เคมีภัณฑ์ เหล็กและผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง สบู่ ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูป ผ้าผืน และรถจักรยานยนต์ และไทยนำเข้าสินค้าจากเมียนมา มีมูลค่า 83,850 ล้านบาท สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ พืชและผลิตภัณฑ์ สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ เนื้อสัตว์ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง ผัก ผลไม้ เครื่องจักรไฟฟ้า สัตว์และผลิตภัณฑ์ ไม้และผลิตภัณฑ์