“ไทยยูเนี่ยน”มั่นใจโตต่อเนื่อง ลั่นพร้อมลุยธุรกิจ"กัญชง"

09 มี.ค. 2564 | 08:38 น.
อัปเดตล่าสุด :10 มี.ค. 2564 | 09:14 น.

“ธีรพงศ์” บิ๊กไทยยูเนี่ยน ตั้งเป้า 5 ปีโตต่อเนื่อง เฉลี่ยปีละ 5% จาก 1.32 แสนล้าน เพิ่มเป็น 1.6 แสนล้าน ในปี 2568 เน้นกำไรสุทธิมากกว่ารายได้ พร้อมเดินหน้าพัฒนาสินค้านวัตกรรม เตรียมพร้อมลุยธุรกิจกัญชง

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร [ริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เปิดเผยว่า ไทยยูเนี่ยนฯ ตั้งเป้าหมายเติบโตต่อเนื่องทางด้านยอดขายในช่วง 5 ปี (ปี 2564-2568) เฉลี่ยปีละ 5% จาก 1.32 แสนล้านบาทในปี 2563 จะเพิ่มเป็น 1.6 แสนล้านบาทภายในปี 2568  โยดยบริษัทจะเน้นให้ความสำคัญกับกำไรสุทธิมากกว่ารายได้ โดยในปี 2564 นี้ตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 17.5% พร้อมเพิ่มสัดส่วนกำไรจากธุรกิจใหม่ ทั้งผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือก และธุรกิจส่วนประกอบอาหาร (Ingredients) ที่จะมีมากกว่า 15% ขณะที่สัดส่วนรายได้จะอยู่ที่กว่า 10% ของรายได้รวม

“ไทยยูเนี่ยน”มั่นใจโตต่อเนื่อง  ลั่นพร้อมลุยธุรกิจ\"กัญชง\"

ส่วนงบลงทุนในปีนี้ตั้งไว้ 6-6.5 พันล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่ใช้งบลงทุนไปเพียง 3.7 พันล้านบาท โดยแบ่งไปลงทุนในประเทศไทย ที่จะผลิตโปรตีนไฮโดรไลเสท (Protein hydrolysate ) และคอลลาเจนในประเทศไทย วงเงิน 800 ล้านบาท ธุรกิจอาหารสำเร็จ วงเงิน 1,000 ล้านบาท ขณะที่ในต่างประเทศจะลงทุนก่อสร้างห้องเย็นใหม่ในประเทศกานาวงเงิน 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯและในช่วงปี 2565-2568 จะมีงบลงทุนปกติปีละ 4.5 พันล้านบาท

 

 

 

 

 

 

ทั้งนี้ไทยยูเนี่ยนฯมีผลประกอบการที่เข้มแข็งในปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ก็ตามแต่จะเห็นว่าความต้องการผู้บริโภคที่เลือกซื้อสินค้าของไทยยูเนี่ยนฯนั้นสูงขึ้นเนื่องจากคนหันมาทำอาหารรับประทานเองที่บ้านบวกกับผู้บริโภคหันมาใส่ใจในเรื่องสุขภาพและอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้นด้วย โดยไทยยูเนี่ยนฯยังคงให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน คู่ค้าและระบบซัพพลายเชนทั้งหมด เพื่อที่จะสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและผลิตสินค้าที่ปลอดภัยได้คุณภาพให้กับผู้บริโภคทั่วโลก

“ไทยยูเนี่ยน”มั่นใจโตต่อเนื่อง  ลั่นพร้อมลุยธุรกิจ\"กัญชง\"

นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนฯยังตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพไปพร้อมกัน โดยให้ความสำคัญกับงานด้านความยั่งยืนของบริษัท ด้วยกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัทหรือ SeaChange® ในการทำหน้าที่สร้างมาตรฐานให้กับอุตสาหกรรมอาหารทะเลอย่างต่อเนื่อง ในปี 2563

ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนฯได้ลงทุนในสตาร์ทอัพ 6 บริษัทด้วยกัน ทั้งนี้ ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนอีก 2 แห่งที่เน้นธุรกิจใหม่ ๆ ในการนำนวัตกรรมเข้ามาเป็นหลักในการทำธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน   ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ลงทุนในสตาร์ทอัพ 4 บริษัทด้วยกัน  โดยสามบริษัทแรกจากโครงการสเปซ-เอฟ ได้แก่  มันนา ฟู้ดส์ บริษัทโปรตีนทางเลือก  อัลเคมี ฟู้ดเทค ธุรกิจนวัตกรรมอาหารสำหรับผู้ป่วยและ บริษัท ไฮโดรนีโอ บริษัทเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ  ส่วนบริษัทที่สี่คือ วิสไวร์ส นิวโปรตีน อีกหนึ่งบริษัทเงินทุนสัญชาติสิงคโปร์ ที่ทำธุรกิจบริหารกองทุนที่มองหาโอกาสความร่วมมือและร่วมลงทุนในเทคโนโลยีอาหาร ถึงแม้ว่าตลาดโปรตีนทางเลือกในประเทศไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่สำหรับตลาดสินค้าประเภทดังกล่าวในระดับโลกนั้นถือว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่สูงทีเดียว โดยปัจจุบันตลาดโปรตีนทางเลือกของโลกนั้นมีขนาดถึง 12,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีแนวโน้มว่าจะเติบโตในช่วงระหว่าง ปี 2562-2568 ถึง 6.8% เฉลี่ยต่อปี

“ไทยยูเนี่ยน”มั่นใจโตต่อเนื่อง  ลั่นพร้อมลุยธุรกิจ\"กัญชง\"

โดยในปีนี้ จะเป็นอีกปีที่มีทั้งโอกาสและอุปสรรคเนื่องจากโควิด-19 ที่ส่งผลต่อธุรกิจและการดำเนินชีวิตของคนทั่วโลก  พฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปแล้วเมื่อทุกคนต้องปรับตัวกับ “New Normal” ซึ่งไทยยูเนี่ยนฯต้องเตรียมตัวให้พร้อมหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงมองหาโอกาสทางธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งในปี 2564 ไทยยูเนี่ยนฯ มีทีมผู้บริหารเราจะมุ่งเน้นในการเรื่องกลยุทธ์ที่ไทยยูเนี่ยนตั้งเป้าสู่ปี 2568  โดยเน้นความสามารถในการปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเหมือนในปีที่ผ่าน พร้อมผสานความร่วมมือในทุกหน่วยธุรกิจเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่บริษัท  สิ่งที่จะทำอย่างต่อเนื่องคือการพัฒนาระบบอัตโนมัติ (automation) ต่างๆ ที่จะช่วยให้ความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น เป็นที่แน่นอนว่าทีมผู้บริหารจะยังคงดูแลการบริหารจัดการสถานการณ์ตลอดจนผลกระทบของโควิด-19 ในทุกทวีปที่เราดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและยุโรป  

 

 

 

โดยในด้านนวัตกรรมถือเป็นกุญแจสำคัญสู่การเติบโตในอนาคต และเป็นเหตุผลที่ไทยยูเนี่ยนฯมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สู่ตลาด ปี 2563 ก็เช่นกัน ศูนย์นวัตกรรมไทยยูเนี่ยนยังเน้นการวิจัยและพัฒนาในเรื่องของสุขภาพและความเป็นผู้ที่ดี การสร้างมูลค่า โปรตีนทางเลือก อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและอาหารทางการแพทย์ ในปีที่ผ่านมามีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น โปรตีนจากพืชในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เนื้อทูน่า นักเก็ต เบอร์เกอร์ เค้กปู และติ่มซำ

“ไทยยูเนี่ยน”มั่นใจโตต่อเนื่อง  ลั่นพร้อมลุยธุรกิจ\"กัญชง\"

นอกเหนือจากนวัตกรรมของไทยยูเนี่ยนฯแล้วยังเปิดกว้างในด้านความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งปีที่ผ่านมาไทยยูเนี่ยนฯลงทุนในสตาร์ทอัพด้านสารอาหารฟังก์ชั่น โปรตีนจากแมลง และเทคโนโลยีในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยสามบริษัทแรกจากโครงการสเปซ-เอฟ ได้แก่ มันนา ฟู้ดส์ บริษัทโปรตีนทางเลือก อัลเคมี ฟู้ดเทค ธุรกิจนวัตกรรมอาหารสำหรับผู้ป่วยและ บริษัท ไฮโดรนีโอ บริษัทเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ส่วนบริษัทที่สี่คือ วิสไวร์ส นิวโปรตีน อีกหนึ่ง นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนฯยังสนใจที่จะผลิตอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชงหากรัฐบาลออกกฎหมายลูกเกี่ยวกับกัญชงแล้วเสร็จ และมีความต้องการของตลาด ไทยยูเนี่ยนฯพร้อมที่จะลงทุน