นายยงยุทธ นาคแดง รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ขบ.เปิดจุดให้บริการรับชำระภาษีรถประจำปีที่ห้างสรรพสินค้าหรือแหล่งชุมชน “ช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี : shop Thru for Tax” ในวันเสาร์-อาทิตย์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (ข้อมูล ณ วันที่ 23 มีนาคม 2564) ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี จำนวน 11 สาขา ได้แก่ สาขาบางบอน บางปะกอก เพชรเกษม อ่อนนุช สุวิทวงศ์ รัชดาภิเษก สุขาภิบาล 3 ลาดพร้าว รามอินทรา สำโรง และสมุทรปราการ เปิดให้บริการวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. ศูนย์การค้าพาราไดซ์พาร์ค, เซ็นทรัลศาลายา, เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ, เซ็นทรัล Westgate และเดอะมอลล์งามวงศ์วาน เปิดให้บริการวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. ส่วนต่างจังหวัดสามารถสอบได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดโดยตรง
สำหรับประชาชนที่ต้องการชำระภาษีรถประจำปีโดยที่ไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่งหรือห้างสรรพสินค้า กรมการขนส่งทางบกมีแนวทางในการพัฒนาเว็บไซต์ชำระภาษีรถประจำปี https://eservice.dlt.go.th/ ให้สามารถรองรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รถเก๋ง), รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (รถตู้), รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รถกระบะ) ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี รถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก ซึ่งได้เริ่มทดลองให้รถกลุ่มดังกล่าวยื่นชำระภาษีรถประจำปีผ่านเว็บไซต์ได้แล้ว โดยรถนั้นต้อง “ผ่าน” การตรวจสภาพรถจากสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ก่อน จึงจะดำเนินการตามขั้นตอนชำระภาษีในเว็บไซต์ได้ ซึ่งจะได้รับเครื่องหมายการเสียภาษีและใบเสร็จรับเงินทางไปรษณีย์ภายใน 5 วันทำการหลังชำระเงิน
ทั้งนี้ปัจจุบันหน่วยงานต่างๆ มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเข้มงวด และประชาชนมีความเข้าใจและให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T คือ D-Distancing อยู่ห่างไว้ M-Mask Wearing ใส่หน้ากากอนามัย H-Hand washing หมั่นล้างมือ T-Testing ตรวจวัดอุณหภูมิ T-Thai Cha na ใช้แอปพลิเคชันไทยชนะเป็นอย่างดี ดังนั้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระภาษีรถประจำปีให้แก่ประชาชน กรมการขนส่งทางบกเตรียมจัดเจ้าหน้าที่ออกหน่วยให้บริการเพื่อให้บริการรับชำระภาษีรถประจำปีที่ห้างสรรพสินค้าหรือแหล่งชุมชน ตามโครงการ “ช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี : shop Thru for Tax” ในวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ สำนักงานขนส่งที่รับผิดชอบการออกหน่วยงานให้บริการในพื้นที่ต่างๆ ให้ดำเนินการประสานห้างสรรพสินค้าหรือแหล่งชุมชนเจ้าของพื้นที่ รวมถึงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และมาตรการควบคุมของพื้นที่หรือจังหวัดอย่างใกล้ชิด กรณีมีประกาศเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ มาตรการควบคุม หรือพบการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่อาจส่งผลต่อประชาชนที่มาใช้บริการ ให้พิจารณาปรับการให้บริการตามความเหมาะสมโดยคำนึงถึงความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุขของประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเป็นสำคัญ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง