รายงานข่าวระบุว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เผยผลสำรวจผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (covid-19)จากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและวิสาหกิจทั่วประเทศ 1,494 ราย ซึ่งแบ่งออกเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 73% และวิสาหกิจชุมชน 27% ข้อมูล ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2564 พบผลกระทบที่ผู้ประกอบการเผชิญ อันดับ 1 ประมาณ 84.87% กำลังซื้อของลูกค้าลดลง ส่งผลให้ยอดขายลดลงอย่างต่อเนื่อง อันดับ 2 ประมาณ 66.53% ประสบปัญหาด้านการตลาด อันดับ 3 ประมาณ 63.05% ประสบปัญหาสภาพคล่องทางธุรกิจ ฯลฯ
นายภาสกร ชัยรัตน์ รองอธิบดี ดีพร้อม กล่าวว่า DIPROM เร่งฟื้นฟูผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากแพร่ระบาดเดิมของโควิด-19 ตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ต้องการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมอบหมายทีมกูรูดีพร้อม ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคจากศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมทั้ง 11 ศูนย์ทั่วประเทศ สำรวจผลกระทบและความต้องการของผู้ประกอบการจำนวน 1,494 รายดังกล่าว
ขณะที่ 7 อันดับ ผลสำรวจการปรับตัวของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว พบว่า
อันดับ1 ประมาณ 71.55% ขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ ขยายฐานลูกค้าไปยังหน่วยงานภาครัฐ
อันดับที่ 2 ประมาณ 53.75% ลดค่าใช้จ่าย ประหยัดการใช้พลังงานในสำนักงาน ลดปริมาณการจัดเก็บวัตถุดิบ และเลือกวัตถุดิบที่มีอายุเก็บรักษาได้ยาวนาน และราคาถูกลง
อันดับที่ 3 ประมาณ 50.47% พัฒนาสินค้าให้มีมาตรฐาน ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้โดดเด่น ปรับขนานบรรจุภัณฑ์เพื่อลดค่าขนส่ง
อันดับที่ 4 ประมาณ 45.65% ใช้เทคโนโลยีมาบริหารจัดการภาคการผลิต ระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อวางแผนการผลิตที่แม่นยำ
อันดับที่ 5 ประมาณ 37.48% หาแหล่งเงินทุนที่ให้สินเชื่อในระยะที่สามารถยืดหยุ่นได้ และมีดอกเบี้ยต่ำ
อันดับที่ 6 ประมาณ 32.93% ปรับลดไลน์ผลิต ลดจำนวนชั่วโมงงาน ให้พนักงาน Work From Home พัฒนาทักษะพนักงานเพิ่มเติม
อันดับที่ 7 ประมาณ 19.88% ปรับแผนการขนส่ง หาพันธมิตรผู้ประกอบการเพื่อแชร์ค่าบริการ และดำเนินการขนส่งเอง
นายภาสกร กล่าวอีกว่า ภาพรวมการปรับตัวของผู้ประกอบการเป็นไปตามแนวทางที่ได้ส่งเสริมในปี 2563 ซึ่งถือได้มีการดำเนินงานเดินมาถูกทาง โดยเพื่อยกระดับมาตรการให้สอดรับปัญหาที่เกิดขึ้นจริง ดีพร้อม ได้นำข้อมูลจากผลสำรวจข้างต้น มาประกอบการวางแผนพัฒนามาตรการเร่งด่วนเพื่อเยียวยาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้วย “สติ” (STI) 3 มาตรการ ประกอบด้วย มาตรการเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน อาทิ
โครงการการเตรียมความพร้อมและเพิ่มโอกาสการขอสินเชื่อเพื่อ SMEs ในยุค New Normal โดยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีทักษะการบริหารการเงินที่ดี หรือ Financial Literacy ทั้งการวางแผนการบริการจัดการหนี้ การจัดการธุรกิจในภาวะวิกฤต การวางแผนด้านภาษี และโครงการส่งเสริมเพื่อเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการในการขอสินเชื่อ ผ่านการพัฒนาทักษะการเขียนแผนธุรกิจ
สำหรับใช้ประกอบการพิจารณาขอสินเชื่อ เพิ่มโอกาสการได้รับอนุมัติสินเชื่อ และลดความเสี่ยงจากหนี้สูญตลอดจนยังมี มาตรการเพื่อพัฒนาทักษะผู้ประกอบการ อาทิ โครงการเพื่อพัฒนาทักษะผู้ประกอบการในการบริหารจัดการ โลจิสติกส์และโซ่อุปทานอุตสาหกรรม ทักษะการบริหารจัดการแรงงานฝ่าวิกฤตแรงงานต่างด้าว โดยส่งเสริมการใช้ระบบเทคโนโลยี AI เพื่อทดแทนปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าว เพื่อเพิ่มศักยภาพในภาคการผลิต สามารถคำนวนข้อจำกัดต่างๆ ทั้งยังช่วยให้เกิดการวางแผนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ
และสามารถหยุดและดำเนินการผลิตได้ ในกรณีที่จำเป็นโดยไม่ส่งผลกระทบต่อแรงงานบุคคล และมาตรการเพื่อสนับสนุนด้านการตลาด อาทิ โครงการพัฒนาและยกระดับผู้ประกอบการสู่ความเป็นมืออาชีพในด้านการตลาดออนไลน์ เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านการตลาดออนไลน์ให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งการตลาดออนไลน์ เป็นเครื่องมือที่ ดีพร้อม ส่งเสริมผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ระยะเริ่มต้นของการแพร่ระบาด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :