ปิดดีล แหลมฉบังเฟส 3 ปตท.-กัลฟ์ คว้าประมูล 2.9 หมื่นล้าน

21 เม.ย. 2564 | 06:10 น.

กทท.เผยความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 หลังครม.เคาะผลตอบแทน 2.9 หมื่นล้านบาท ลุยเปิดซองข้อเสนอที่ 5 เร่งลงนามสัญญาปตท.-กัลฟ์ ขณะที่สกพอ.หวั่นตู้สินค้าในอนาคตลดลง เหตุโควิดพ่นพิษรอบใหม่ คาดกระทบเปิดให้บริการท่าเทียบเรือ F ล่าช้า 2 ปี

เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เปิดเผยถึงการเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 3/2564 ว่า  หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบผลประโยชน์ตอบแทนภาครัฐของโครงการฯ ค่าสัมปทานคงที่มูลค่าสุทธิที่ 29,050 ล้านบาท และให้คณะกรรมการคัดเลือกฯ ดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศฯ กฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาซองที่ 4 ผลประโยชน์ตอบแทนด้านการเงินและมีมติเห็นชอบกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ประกอบด้วย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด และบริษัท ไชน่า ฮาร์เบอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด จากประเทศจีน ผ่านการประเมินซองที่ 4 และได้ทำการเปิดเอกสารข้อเสนอซองที่ 5 ซองข้อเสนอแนะในการเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ต่อหน้าผู้แทนกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC และได้มีมติตั้งคณะทำงานพิจารณาร่างสัญญาร่วมทุนโดยมี ผู้แทนของกรรมการคัดเลือกฯ จากสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าคณะทำงาน เพื่อเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ลงนามในคำสั่งต่อไป

ปิดดีล แหลมฉบังเฟส 3 ปตท.-กัลฟ์ คว้าประมูล 2.9 หมื่นล้าน

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กล่าวว่า กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ได้เสนอให้ค่าสัมปทานคงที่คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ที่ 12,051 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปรที่ 100 บาทต่อทีอียู ซึ่งต่ำกว่าผลประโยชน์ตอบแทนที่รัฐคาดหมายตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 30 ตุลาคม 2501 มูลค่า NPV ประมาณ 32,225 ล้านบาท

ปิดดีล แหลมฉบังเฟส 3 ปตท.-กัลฟ์ คว้าประมูล 2.9 หมื่นล้าน

ทั้งนี้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 คาดการณ์ตู้สินค้าในอนาคตมีแนวโน้มลดลง รวมทั้งแนวโน้มที่การท่าเรือแห่งประเทศ (กทท.) จะสามารถประหยัดเงินลงทุนในโครงการ ฯ ในส่วนของงานก่อสร้างทางทะเล และงานก่อสร้างอาคารท่าเทียบเรือ ระบบถนน และสาธารณูปโภค และหากมีการคัดเลือกเอกชนใหม่จะมีผลกระทบต่อการเปิดดำเนินการท่าเทียบเรือ F อาจล่าช้าถึง 2 ปี ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่ท่าเรือแหลมฉบังจะไม่สามารถรองรับปริมาณตู้สินค้าผ่านท่าได้รวมทั้งข้อจำกัดในการรองรับเรือสินค้าขนาดใหญ่ของท่าเรือในปัจจุบัน และกรณีที่มีการถมทะเลแล้วเสร็จแต่ไม่มีการร่วมลงทุนสร้างท่าเทียบเรือได้ทันที จะทำให้ กทท. ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและซ่อมบำรุงโครงสร้างอีกด้วยในที่ประชุมครม. ยังมอบหมายให้ สกพอ. พิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดเงื่อนไขการแบ่งผลตอบแทนเพิ่มเติมในกรณีที่มีปริมาณตู้สินค้าสูงกว่าคาดการณ์ เพื่อให้ผลประโยชน์ตอบแทนที่รัฐจะได้ใกล้เคียงกับที่คณะรัฐมนตรีได้เคยอนุมัติไว้ รวมทั้งเร่งรัดให้ กทท. ดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ตามแผนงานอย่างเคร่งครัด กำกับติดตามการดำเนินงานของเอกชนที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นไปตามเป้าหมาย และสามารถทำให้ปริมาณการขนส่งสินค้า กลับไปใกล้เคียงกับปริมาณการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้เดิม เพื่อให้โครงการการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 สนับสนุนการเป็นประตูการค้า (Gateway) เชื่อมโยงการอุตสาหกรรมและการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านตามนโยบายของรัฐบาลได้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง