นางสาวกฤษณา อัมพุช รองประธานกรรมการ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือร่วมใจช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นตัวโดยเร็ว โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป เล็งเห็นความสำคัญของการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้เกิด ภูมิคุ้มกันหมู่” จึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนันสนุนการดำเนินงานของภาครัฐเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19และเตรียมความพร้อมในการกระจายวัคซีนให้มีประสิทธิภาพและทั่วถึงมากที่สุด โดยร่วมกับ กรุงเทพมหานคร, สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร, จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดนครราชสีมา เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการกระจายการฉีดวัคซีน รวมถึงการวางระบบการกระจายวัคซีนอย่างรวดเร็ว เร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างทั่วถึง
โดยสนับสนุนงบกว่า 70 ล้านบาท ในการสนับสนุนพื้นที่สำหรับฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล ที่ 4 สาขา ได้แก่ เดอะมอลล์ บางกะปิ, เดอะมอลล์ บางแค ที่ได้รับการคัดเลือกจาก สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร, เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน ได้รับการคัดเลือกจาก สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี และเดอะมอลล์ โคราช ได้รับการคัดเลือกจาก สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา โดยทั้ง 4 สาขา ถือเป็นแลนด์มาร์คในเขตกรุงเทพตะวันออก, เขตกรุงธนใต้, จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดนครราชสีมา
สำหรับการบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชน ในพื้นที่ของเดอะมอลล์ กรุ๊ป จะประเดิม
ฉีดสาขาแรก ที่ เดอะมอลล์ บางกะปิ ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 , เดอะมอลล์ บางแค วันที่ 2 1 พฤษภาคม 2564 สำหรับ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน และ เดอะมอลล์ โคราช พร้อมให้บริการวัคซีนกับประชาชน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 เป็นต้นไป โดยจุดให้บริการของทั้ง 4 สาขา อยู่ที่บริเวณ เอ็มซีซี ฮอลล์
นอกจากนี้ยังได้จัดหาเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร เพื่อช่วยดูแลความเรียบร้อยระหว่างดำเนินงาน พร้อมสนับสนุนชุดอาหาร-เครื่องดื่ม สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ และจัดหาอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ตลอดการดำเนินงานที่เดอะมอลล์ บางแค และบางกะปิ อาทิ การจัดเตรียมสถานที่ทั้งหมด, จัดเตรียมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั้งหมด, จัดเตรียม ระบบ Wifi, จัดเตรียมอุปกรณ์สำนักงาน, อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยตามมาตรการสุขอนามัย เป็นต้น
นอกเหนือจากมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัยขั้นสูงสุดครอบคลุมทุกมิติ ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข 5 มาตราการหลัก ที่ปฏิบัติอยู่เป็นประจำ โดย 5 มาตการหลัก ประกอบด้วย
1.มาตรการคัดกรองเข้มงวด อาทิ ตรวจวัดอุณหภูมิลูกค้า ผู้เข้าใช้บริการทุกคน รวมถึงพนักงานร้านค้า พนักงานคู่ค้า พนักงานรับ-ส่งสินค้า DELIVERY และต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เมื่อเข้าพื้นที่ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า พร้อมติดตั้งเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ทั่วทั้งศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า ฯลฯ
2.มาตรการลดความแออัด อาทิ ลดความแออัด ด้วยการจำกัดจำนวนคน ในพื้นที่ 1 คน ต่อ 5 ตารางเมตร, เคร่งครัดในมาตร Social Distancing , กำหนดทางเข้า-ออก อาคารศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า เพื่อให้ผ่านจุดคัดกรอง และลดการเดินสวนกันที่บริเวณทางเข้า – ออก ฯลฯ
3.มาตรการสร้างสังคมไร้สัมผัส อาทิ จัดพนักงานบริการกดลิฟท์ทุกตัวให้กับลูกค้า และฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ภายในลิฟท์ ทุก 10 นาที, จัดพนักงานบริการเปิด – ปิดประตูศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า, ส่งเสริมให้ลูกค้าใช้วิธีการชำระเงินแบบ TOUCHLESS PAYMENT ฯลฯ
4.มาตรการสุขอนามัยเชิงรุก อาทิ ทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วม เช่น ปุ่มกดภายในลิฟท์ ราวบันไดเลื่อน ก๊อกน้ำ ลูกบิด กลอนประตู ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุก 30 นาที, ทำความสะอาดพื้นศูนย์การค้า ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุก 30 นาที พร้อมติดตั้งเครื่องฉีดพ่นอัตโนมัติเพื่อพ่นยาฆ่าเชื้อในห้องน้ำ ทุก 5 นาที, ทำความสะอาดใหญ่ ด้วยการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ พื้นที่ขายและพื้นที่สำนักงานทุกสัปดาห์ ฯลฯ
5.มาตรการเฝ้าระวังติดตาม อาทิ หน่วยงานที่ดูแลพนักงาน พนักงานร้านค้า พนักงานคู่ค้าต้องจัดทำประวัติข้อมูลสุขภาพของพนักงานทุกคนในสังกัด รวมถึงกรณีพนักงานที่ต้องถูกกักตัวก่อนเข้าปฏิบัติงาน, ลูกค้า ผู้ใช้บริการ ผู้เช่า และพนักงาน ต้องได้รับการลงทะเบียนผ่าน APPLICATION ก่อนเข้าพื้นที่ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า เพื่อสามารถติดตามในกรณีที่มีความจำเป็น ฯลฯ