นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท. ได้ดำเนินการร่วมมือกับ 163 บริษัท เพื่อดำเนินโครงการ “FTI Faster Payment Phase 2” อีกครั้ง เพื่อช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs)ซึ่งอาจจะประสบปัญหายอดขายลดลงและขาดสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจในภาวะวิกฤติจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสามให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยเรียกว่าเป็นการฟื้นโครงการ FTI Faster Payment (ส.อ.ท. ช่วยเศรษฐกิจไทย) ชำระหนี้ค่าสินค้าหรือบริการให้แก่คู่ค้าที่เป็นเอสเอ็มอี (SMEs) ภายใน 30 วัน
ทั้งนี้ 163 บริษัทส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของ ส.อ.ท. ไม่ว่าจะเป็นบริษัทในเครือ SCG ,บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ,กลุ่มบริษัทซีพี ,บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และกลุ่มค้าส่งค้าปลีกรายใหญ่ ซึ่งทั้งหมดนี้มี SMEe ในซัพพลายเชนหลายหมื่นราย และจะขอความร่วมมือขยายผลไปยังกลุ่มผู้ประกอบการในตลาด MAI และ SET100 โดยคาดว่าจะช่วยเพิ่มเสริมสภาพคล่องให้เกิดทั้งซัพพลายเชน
"จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในระลอกที่ 3 ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของทุกภาคส่วน หลายธุรกิจประสบปัญหายอดขายลดลงและขาดสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งแนวทางหนึ่งที่ภาคเอกชนจะสามารถร่วมแรงร่วมใจ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วยกันให้อยู่รอดในสถานการณ์ที่ไม่ปกตินี้ได้ คือ การช่วยกันชำระค่าสินค้าหรือบริการให้แก่คู่ค้าเร็วขึ้น"
โดย FTI Faster Payment จะสามารถต่อยอดไปยังแพล็ตฟอร์ม Digital Factoring ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่ง ส.อ.ท. ได้มีการหารือกับ ธปท. ไปในเบื้องต้นแล้ว โดยได้เสนอประเด็นต่างๆ ที่จะสามารถขับเคลื่อน Digital Factoring ให้สามารถเกิดขึ้นได้เร็วและเป็นไปได้ รวมถึง ส.อ.ท. สามารถสนับสนุนการพัฒนาระบบในการตรวจสอบยืนยัน Invoice ในโครงการเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงินมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบและไม่ได้อยู่ในซัพพลายเชนดังกล่าว ส.อ.ท. ยังคงหาแนวทางในการช่วยเหลือเร่งด่วนในรูปแบบอื่นๆ ต่อไป อาทิ การร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จัดอบรมและ Workshop เตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการในการเข้าถึงสินเชื่อภายใต้มาตรการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบการธุรกิจฯ (ซอฟท์โลน) และติดตามรับฟังปัญหาของเอสเอ็มอีที่ยังเข้าไม่ถึงมาตรการดังกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :