กรมบัญชีกลาง รื้อราคากลางใหม่ อุ้มผู้รับเหมา

22 พ.ค. 2564 | 06:55 น.
อัปเดตล่าสุด :23 พ.ค. 2564 | 12:41 น.

กรมบัญชีกลาง ลั่น พร้อมรื้อราคากลางคู่สัญญาโครงการก่อสร้างภาครัฐใหม่ ประกาศได้ทันที หลังราคาเหล็กพุ่งไม่หยุด ด้านกรมการค้าภายในเตรียมประกาศราคากลางเหล็กช่วยลดผลกระทบ

จากราคาเหล็กที่ใช้ในโครงการก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ตามราคาเหล็กในประเทศจีนที่เป็นผู้ผลิตและผู้ใช้เหล็กรายใหญ่เกินครึ่งหนึ่งของโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 200% หลังเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวและเร่งโครงการก่อสร้างภาครัฐเพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจ ส่งผลถึงราคาเหล็กในไทยปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 50-80% จากในแต่ละปีไทยมีการนำเข้าสินค้าเหล็กจากต่างประเทศ 10-11 ล้านตันต่อปี (จากมีความต้องการใช้ 16-17 ล้านตันต่อปี) และวัตถุดิบในการผลิตส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าและมีราคาปรับสูงขึ้น ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทย โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐที่ภาคเอกชนได้ไปเซ็นสัญญาไว้แล้วได้รับความเดือดร้อน และร้องขอให้ภาครัฐ พิจารณาปรับค่าตัวเลขดัชนีที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของค่างาน (ค่า K) เพื่อช่วยลดผลกระทบ

นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีราคาเหล็กในตลาดโลกยังคงปรับตัวพุ่งสูงต่อเนื่อง ทำให้ราคาเหล็กเส้นหน้าโรงงานในไทยปรับตัวสูงขึ้นตามว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนโดยตรงถึงผลกระทบดังกล่าวจากผู้ประกอบการที่เป็นคู่สัญญางาน โครงการก่อสร้างต่างๆ กับรัฐบาล แต่จากข่าวสถานการณ์ราคาเหล็กที่ยังปรับตัวสูงต่อเนื่องได้สั่งการให้คณะกรรมการกำหนดราคากลางงานก่อสร้างภาครัฐเร่งหาแนวทางลดผลกระทบผู้ประกอบการโดยด่วนแล้ว

“แนวทางที่ทำได้เร็วที่สุด คือ การทบทวนและกำหนดราคากลางใหม่ให้มีความใกล้เคียงกับราคาในตลาดมากที่สุด ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือเป็นกรณีพิเศษที่ราคาเหล็กมีการปรับตัวขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ทำให้ราคากลางที่กำหนดไว้ซึ่งจะมีการทบทวนทุก 6 เดือน ไม่สอดคล้องกับภาวะตลาดที่เกิดขึ้น แต่ก็ถือเรื่องที่สามารถทบทวน ปรับแก้ และประกาศราคากลางใหม่ได้ทันที เพราะเป็นส่วนของกฎระเบียบภายใน ไม่ใช่การแก้ พ.ร.บ. ที่ต้องเป็นไปตามขั้นตอนและใช้เวลา” อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าว

ด้านนางสาวลิซ่า งามตระกูล พานิช นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยอมรับว่า ผลกระทบจากความผันผวนเหล็กปรับราคาส่งผลกระทบให้ผู้รับเหมาต้องแบกต้นทุนที่สูงเฉลี่ย 15% ในรอบ 4-5 เดือนมานี้ เพราะเหล็กเส้นเป็นองค์ประกอบหลัก 35% ของโครงการลงทุนขนาดใหญ่รัฐ หากได้รับการช่วยเหลือจะต่อลมหายใจเอกชนได้ในระดับหนึ่ง

ด้านนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากราคาเหล็กในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้นทั้งในและต่างประเทศ กรมการค้าภายในได้ประสานให้มีการหารือกันระหว่างสมาคมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมก่อสร้างที่เป็นผู้ใช้เหล็ก กับกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อให้ผู้ใช้เหล็กวางแผนการใช้เหล็กโดยแจ้งผู้ผลิตให้ทราบล่วงหน้า เพื่อให้สามารถจัดซื้อวัตถุดิบและวางแผนการผลิต (ซัพพลาย) ได้เพียงพอกับความต้องการ ไม่ให้เกิดการขาดแคลน ซึ่งขณะนี้ทั้งสองฝ่ายได้มีการพูดคุยกันบ้างแล้ว

นอกจากนี้ได้ประสานให้มีการหารือกันระหว่างสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างที่เป็นผู้ใช้เหล็ก กับหน่วยงานภาครัฐคือ กรมบัญชีกลางให้พิจารณาค่า K ในสัญญาก่อสร้างโครงการภาครัฐใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ณ ปัจจุบัน

ขณะที่ในส่วนของสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เหล็กแผ่น และเหล็กเส้น ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าควบคุมของกรมการค้าภายในที่เวลานี้มีราคาปรับตัวสูงขึ้น ทางกรมอยู่ระหว่างเตรียมพิจารณาประกาศราคากลาง หรือราคาแนะนำ ซึ่งคงต้องดูข้อมูลต้นทุนค่าขนส่งเหล็กในแต่ละขั้นตอนประกอบ

“จริงๆ แล้วผู้ผลิตเหล็กในประเทศก็ไม่กล้าขายแพงมาก เพราะถ้าขายแพงก็สามารถนำเข้าได้ สำหรับค่า K เป็นค่าที่อยู่ในต้นทุนการก่อสร้างของหน่วยงานรัฐ ดังนั้นเมื่อต้นทุนผู้รับเหมาสูงขึ้นก็ต้องไปคุยกับหน่วยงานที่เป็นผู้กำหนด โดยทางกรมการค้าภายในเป็นผู้ประสานให้ ซึ่งก็ได้มีการคุยกันไปบ้างแล้วน่าจะมีความเข้าใจกันมากขึ้น” 

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,681 วันที่ 23 - 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2564