นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่าขณะนี้สนามบินสุวรรณภูมิ กำลังเร่งติดตั้งระบบการให้บริการระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing System: CUPPS) ซึ่งประกอบด้วยระบบตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง ระบบเช็คอินด้วยตนเองอัตโนมัติ ระบบรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยลดความเสี่ยงในการสัมผัสให้กับผู้โดยสารในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากเป็นระบบที่ผู้โดยสารสามารถดำเนินการได้เอง ทั้งหมดโดยไม่ต้องเข้าคิว เพื่อรอรับบริการจากเจ้าหน้าที่ประจำเคาเตอร์ปกติ
“สุวรรณภูมิเริ่มทยอยติดตั้งจุดเช็คอินอัตโนมัติไปบางส่วนแล้ว ช่วงนี้มีผู้ใช้บริการสนามบินน้อย จึงเร่งติดตั้งที่เหลือในครบ คาดว่าภายในเดือนก.ค.64 จะติดตั้งได้ครบทั้ง180 จุด และพร้อมที่จะรองรับการเปิดน่านฟ้า หากสถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลายลง”
ทั้งนี้ ระบบการให้บริการระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่องดังกล่าวนั้น เป็นระบบที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารได้มากขึ้น เนื่องจากผู้โดยสารสามารถทำการเช็คอินผ่านแอพพลิเคชั่นของAOT App ได้ก่อนออกจากบ้าน เมื่อมาถึงสนามบินสามารถใช้บริการโหลดกระเป๋าผ่านระบบอัตโนมัติได้ด้วยคนเอง หากน้ำหนักกระเป๋าเกินอัตราที่สายการบินกำหนด ก็สามารถใช้บัตรเครดิตชำระส่วนต่างค่าน้ำหนักกระเป๋าได้ทันทีจากนั้นสามารถเดินเข้าสู่จุดตรวจบัตรพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Bio-metrix) เดินทางขึ้นเครื่องบินได้ต่อไป
น.ท.สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการสนามบินสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ระบบดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกทำให้ผู้โดยสาร ไม่จำเป็นต้องเผื่อเวลา 2ชั่วโมง เพื่อรอให้สายการบินเปิดเคาน์เตอร์เช็คอิน เพราะเช็คอินที่บ้านได้ผ่านแอพพลิเคชั่น เมื่อมาถึงสนามบินก็เช็คอินโหลดกระเป๋าได้เอง จากนั้นยังมีเวลาสามารถเดินชอปปิ้งหรือทานอาหารได้แบบไม่ต้องเร่งรีบ สำหรับแนวโน้มปริมาณการเดินทางของสนามบินสุวรรณภูมินั้นปัจจุบันปริมาณการเดินทางลดลงมาก หลังจากแต่ละจังหวัดมีการแบ่งโซนความรุนแรงการแพร่ระบาด พร้อมออกมามาตรการเข้มงวดการเดินทางเข้าและออก ทำให้คนเดินทางลดลง เพราะบางพื้นที่กำหนดให้ต้องกักตัวในพื้นที่ 14วัน โดยมีปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยเหลือเพียงวันละ 5.5 พันคนเท่านั้น แบ่งออเป็นในประเทศ3.5พันคน และระหว่างประเทศ2พันคน ซึ่งถือว่าเป็นจุดต่ำสุดแล้ว
“ ช่วงเดือนเม.ย. เทศกาลสงกรานต์ ปริมาณผู้โดยสารพุ่งขึ้นเป็นวันละ3.7 หมื่นคน เพียงไม่กี่วัน หลังจากนั้นตกลง และในเดือนพ.ค. ผู้โดยสารตกลงถึงจุดต่ำสุดเพียง 5. 5พันคน/วันเท่านั้น เพราะเป็นช่วงที่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ใช้มาตรการคุมเข้มการเดินทางเข้าออกในระดับสูงสุดแล้ว หลังจากนี้คาดว่าสถานการณ์ อาจจะเริ่มดีขึ้นบ้างหากสามารถเริ่มภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ได้ในเดือนก.ค.นี้ ถ้าโมเดลภูเก็ตสำเร็จ ก็อาจะตามมาด้วย สมุย พะงัน พัทยา ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเดินทางอากาศได้มากขึ้น ยอมรับว่าปริมาณผู้โดยสารที่ลดลงอย่างมาทำให้ปัจจุบันสนามบินมีการเปิดใช้ อาคารเทียบเครื่องบิน (คองคอร์ด)สุวรรณภูมิเพียง 1แห่งคือ อาคาร คองคอร์ด B ส่วนคองคอร์ดA ไม่ได้ใช้ โดยหากปริมาณผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศกลับมาปรับเพิ่มขึ้นเกินกว่า 1.2หมื่นคนต่อวัน จำเป็นต้องใช้บริการทั้ง2คองคอร์ด พร้อมกัน เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการผู้โดยสาร”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง