เปิดประวัติ "หมอเหรียญทอง แน่นหนา" ผอ.โรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ

18 ต.ค. 2563 | 07:35 น.

ส่องประวัติ - รู้จักตัวตน "พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา" ผู้ก่อตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน -ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ

ในช่วงอุณหภูมิทางการเมืองในบ้านเราร้อนแรงชื่อของ"หมอเหรียญทอง หรือ พลตรี นายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา " ก็ถูกพูดถึงอีกครั้ง ด้วยบุคลิกและการแสดงออกทางความคิดที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา และล่าสุดกับการประกาศไล่ออกแพทย์หญิง จรสดาว ริมพณิชยกิจ อันเนื่องมาจากได้ร่วมลงชื่อ 1 ใน 386 แพทย์ที่ออกแถลงการณ์เพื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบของรัฐ ต่อผู้ชุมนุมเป็นการรับฟังอย่างสันติวิธี และขอให้เจ้าหน้าที่รัฐและผู้บังคับบัญชายึดหลักสากลในการควบคุมฝูงชน 


ภายหลังจากมีรายชื่อดังกล่าวออกมา "หมอเหรียญทอง"ก็ได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊กว่าได้ไล่ออกแพทย์หญิง จรสดาว จากกรณีดังกล่าวก็สร้างแรงกระเพื่อมทั้งจากฝั่งผู้เห็นด้วย ที่ออกมาสนับสนุนกับการตัดสินใจที่เด็ดขาดดังกล่าว  และจากฝั่งที่ไม่เห็นด้วยจนเกิดเป็นแฮทแทก #SAVESหมอจรสดาว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เดือด "ไล่ออก" หมอลงชื่อหนุนม็อบคณะราษฎร ค้านสลายชุมนุม

แพทย์สาวขอโทษคนไข้ หลังถูก"หมอเหรียญทอง"ไล่ออก

แถลงการณ์แพทย์  386 รายชื่อ กรณีสลายการชุมนุม ม็อบคณะราษฎร

เปิดประวัติที่ปรึกษานายกฯ แก้ผลกระทบศก.-สังคมจากปัญหาโควิด-19


 

ปัจจุบันพลตรี นายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา เป็น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ และเป็นผู้ก่อตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน อีกทั้งยังได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะที่ปรึกษาด้านผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยมีหน้าที่ให้ความเห็นทางวิชาการ เสนอแนะแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

 

สำหรับประวัติคร่าวๆของ พลตรี นายแพทย์ เหรียญทอง แน่นหนา นั้นในอดีตเคยรับราชการทหาร โดยตำแหน่งสุดท้ายคือผู้อำนวยการกองยุทธการทหารบก ก่อนจะลาออกในปี 2550 และเข้ามาบริหารโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว (ลูกชายคนเดียวในจำนวนพี่น้อง 10 คน)


ทั้งนี้หมอเหรียญทอง เคยโพสต์ข้อความประวัติส่วนตัวและบอกเล่าอุปนิสัยของตนเองผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยมีใจความว่า


"ผมเป็นคนมีลักษณะอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว...แต่ลักษณะของผมอย่างนี้แหละครับที่จะทำให้'กองทัพประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์'เข้มแข็ง


ถึงแม้จะไม่ใช่ทหารเหล่ารบ เป็นแค่เหล่าแพทย์ซึ่งเป็นเหล่าช่วยรบ ทั้งยังเป็นทหารนอกราชการนานถึง 13 ปี แต่ก็อยากบอกว่าผมสามารถเป็นผู้นำกองทัพประชาชนได้ก็แล้วกัน เพราะถ้าผมไม่แน่จริงก็คงไม่เปิดเผยตัวตนอย่างชัดแจ้งเผชิญหน้าทุกสถานการณ์อย่างต่อเนื่องด้วยชีวิตจิตใจแม้มือเปล่าๆผมก็สู้...ผมไม่เคยขอรับการสนับสนุนหรือเรียกระดมพลเลยสักครั้ง...ระวังนะครับเมื่อสถานการณ์จำเป็น ผมนี่แหละจะระดมพลเอง


สมัยผมเป็นนักเรียน ผมเรียนหนังสือไม่เก่งครับ ผมจึงไม่กล้าไปสอบเข้า รร.เตรียมทหาร หากสมมติว่าผมไปสอบเข้า รร.เตรียมทหารแล้วบังเอิญสอบได้ ผมก็คงจะเลือกข้ามฟากมายัง 'รร.นายร้อยพระจุลจอมเกล้า' และคงจะเลือกเหล่ารบ...


ผมอาจจะเป็นทหารราบหรือทหารม้าไปแล้ว(ผมชอบขี่ม้าแต่ไม่เก่ง แค่บังคับม้าให้กระโดดข้ามรั้วเตี้ยๆได้เท่านั้น)...ผมชอบศึกษาเกียรติประวัติของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ทั้งผู้นำประเทศและผู้นำทางทหาร...ผู้นำประเทศที่ผมชอบ(อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะครับ) ผมชอบ เหมาเจอตุง-โฮจิมินต์-ทรูแมน-พลเอก เปรม ติณสูลานนท์...ส่วนผู้นำทางทหารที่ผมชอบ คือ นายพลรอมเมล-นายพลแพ๊ตตัน-นายพลฮิเดกิ โตโจ
 

ผมเกิดและเติบโตจากย่านหัวลำโพงดงนักเลงในอดีต พ่อของผมเป็นคนมีเพื่อนและลูกน้องมาก เนื่องจากมีกิจการขนส่ง ลูกน้องของพ่อเป็นนักเลงที่ถูกจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ปราบจากยุค 'อันธพาล 2499' นั่นแหละครับ...'แดง ไบร์เล่ย์' ยังรู้จักพ่อแม่ดี เพราะสมัยนั้นพ่อแม่ของผมมีบ้านอยู่ที่ตรอกสลักหิน ใกล้โรงงานน้ำส้มไบร์เล่ย์(Bireley)


...ผมเป็นลูกชายคนเดียว มีพี่สาว 7 น้องสาว 1...พ่อแม่เป็นห่วง กลัวพี่และน้องชวนเล่นตุ๊กตา...พ่อจึงเอาผมไปบริษัทขนส่งทุกวันซึ่งพ่อเช่าสถานีรถไฟสายหัวลำโพง-ปากน้ำ(ถูกรื้อทิ้งไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2508) แต่พ่อต้องทำงานมากจึงฝากให้อยู่กับลูกน้องซึ่งเป็นอดีตนักเลงและนักมวยช่วยดูแล


...สมัยนั้นผมยังไม่เข้าเรียนอนุบาลนะครับ จำได้ว่ายังแก้ผ้าฝึกชกมวยกับคุณอาทั้งหลายเลย...ขออนุญาตตั้งชื่อว่า 'เหรียญทองน้อย ศิษย์หัวลำโพง' ก็แล้วกันนะครับ...ผมจึงมีชีวิตที่เติบโตมาแบบนี้และไม่เคยคิดว่าเป็นปมด้อย แต่กลับเป็น'ปมเด่น'อย่างน่าภาคภูมิใจของผมเสียด้วยซ้ำ


เมื่อเป็นเด็กมัธยมศึกษาตอนต้น เป็นเด็กที่ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ ชอบวาดการ์ตูน เล่นฟุตบอล กล้าพูดได้ว่าเล่นฟุตบอลวันละ 3 เวลา(ก่อนเคารพธงชาติ-พักเที่ยง-เลิกเรียน)...สมัยนั้นย้ายบ้านมาที่หัวหมากแล้ว พอปิดเทอมเพื่อนๆก็ชวนไปฝึกฟุตบอลกับครู 'เสนอ ไชยยงค์' ที่สนามกีฬาหัวหมาก(ปัจจุบันคือสนามกีฬาราชมังคลาสถานนี่แหละครับ)


...สมัยนั้นครู'เสนอ ไชยยงค์'เป็นโค้ชทีมชาติไทยชุดเยาวชน ผมยังจำกัปตันทีมได้เลยครับว่าชื่อ 'จุฑา ติงสภัทย์'(หรือพี่'เหลือง'ครับ) ปีนั้นทีมชาติไทยชุดเยาวชนได้เข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ...ผมได้เป็น'เด็กเก็บลูกบอล'ข้างสนามศุภชลาสัยด้วย(สมัยนั้นจะมีเด็กเก็บลูกบอลประจำข้างสนามคอยเก็บลูกบอลที่ออกนอกสนามแล้วโยนส่งกลับเข้าสนามครับ) สมัยนั้นเทคนิคฟุตบอลยังไม่ล้ำสมัยเหมือนปัจจุบันครับ


...ยังจำได้ครูเสนอ ไชยยงค์ สอนการเลี้ยงลูกแบบนักฟุตบอลอังกฤษ ชื่อ 'เซอร์ สแตนลีย์ย์ แมทธิว' เลย...รองเท้าสตัดด์สมัยนั้น พื้นก็ยังเป็นปุ่มที่ทำด้วย 'หนังสัตว์' ครับ รองเท้าอาดิดาสยังไม่ค่อยมีให้เห็น อยากได้รองเท้าสตัดด์ ต้องไปตัดที่ร้านข้างสนามกีฬาศุภชลาสัย(ปัจจุบันไม่มีให้เห็นมาหลายๆสิบปีแล้วนะครับ)...นักฟุตบอลรุ่นปู่จะรู้จักกันดี


ผมเคยเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล(ทบ.กลุ่ม 8)ในกีฬา ทบ.(พ.ศ.2547-48) ด้วยนะครับ ทีมฟุตบอล ทบ.กลุ่ม 8 สมัยผมถูกปรามาสว่าจะเป็นทีมแจกแต้มครับ...แต่กลับกลายเป็นทีมที่เข้าชิงชนะเลิศ และแพ้หวุดหวิดในปีนั้นและเป็นปีแรกที่ทีมฟุตบอล กลุ่ม 8 ที่ผมเป็นผู้จัดการทีมได้เข้ารอบชิงชนะเลิศโดยได้ตำแหน่งรองแชมป์อย่างพลิกความคาดหมาย


...ยังจำได้ว่าคุณ ธราวุธ นพจินดา สัมภาษณ์สดผมผ่านการถ่ายทอดสดในสนามในนัดแรกเปิดสนามที่ทีมกลุ่ม 8 จะต้องเจอกับเจ้าภาพ คือ ทีมกองทัพภาคที่ 1 (แม่ทัพภาค 1 ขณะนั้น คือ พล.ท.ไพศาล กตัญญู) คุณ ธราวุธ ถามผมว่า "คิดอย่างไรครับว่าทีมกลุ่ม 8 ถูกปรามาสว่าเป็นทีมแจกแต้ม"


...ผมตอบก่อนเริ่มการแข่งขันว่า "วันนี้ ทีมกลุ่ม 8 จะถล่มเจ้าภาพกองทัพภาคที่ 1 ผ่านถ่ายทอดสดให้ผู้ปรามาสทั้งหลายดูเป็นขวัญตาครับ"ฃ


การแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือดสูสีพลิกความคาดหมายอย่างสิ้นเชิง กองเชียร์กลุ่ม 8 มีจำนวนน้อยมากๆ มีแต่กองเชียร์กองทัพภาคที่ 1เสียส่วนใหญ่...ทีมเราไม่มีขวัญตกเลยแม้แต่น้อยนิด เราแพ้หวุดหวิด 1:0. ครับ..หลังจากนั้นเราชนะรวดจนได้เข้าชิงชนะเลิศกับทีมกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งก็มีการถ่ายทอดสดเพื่อปิดสนาม แต่เราแพ้หวุดหวิด 1:0 ครับ


...ถึงแม้เราจะเป็นทีมที่ถูกปรามาสว่าแจกแต้ม แต่เรากลับกลายเป็นทีมที่ได้เปิดสนามและปิดสนาม...ผมถูกสัมภาษณ์และถ่ายทอดสดทั้ง 2 นัด...สมัยนั้นผมเป็นแค่ พันเอก เป็นผู้อำนวยการกองกำลังพล กรมแพทย์ทหารบกครับ...ถึงแม้ผมจะเป็นทหารหมอ เป็นแค่เหล่าช่วยรบ แต่ประวัติชีวิตลูกผู้ชายของผมก็กล้าพูดได้เลยว่า...ไม่ใช่หมอทหารธรรมดาๆครับ...ขี้โม้ ชิบ!