ปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิ มีผู้โดยสารใช้บริการกว่า 64.71 ล้านคนต่อปี ขณะที่สนามบินมีศักยภาพการรองรับอยู่ที่ 45 ล้านคนต่อปี วันนี้จึงเกิดความแออัดเป็นอย่างมาก กับการแบกรับผู้โดยสาร ซึ่งเกินศักยภาพมากถึง 19.71 ล้านคน และจะต้องแบกรับเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง
โรดแมปใหม่ขยายสุวรรณภูมิ
ตราบใดที่แผนขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 3 ที่มีไฮไลต์ใหม่ อย่างอาคารผู้โดยสาร (เทอร์มินัล) หลังที่ 2 ด้านทิศเหนือ ของสนามบิน หรือที่ทอท.เรียกว่า “เทอร์มินัลส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ” ยังไม่บรรลุตามแผนแม่บทฉบับที่ทอท.ได้ปรับปรุงใหม่
เนื่องจากที่ผ่านมาถูกคัด ค้านอย่างหนักจาก 12 องค์กรวิชาชีพ ด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม รวมถึงอดีตผู้บริหารสนามบินและผู้มีส่วนร่วมในแผนแม่บทเดิม เพราะมองว่าเป็น “เทอร์มินัล2ตัดแปะ” เกิดขึ้นมาใหม่ ไม่เป็นไปตามแผนแม่บทเดิมที่วางไว้ตั้งแต่ปี 2546
ขณะที่ทอท.ก็ยืนยันว่า เทอร์มินัลจุดนี้ สามารถพัฒนาได้ และเป็นแนวทางที่จะแก้ไขความแออัดของสนามบินได้เร็วที่สุด ส่วนแผนการพัฒนาเทอร์มินัลด้านทิศใต้ก็ยังคงอยู่ในแผนแม่บทที่ปรับปรุงล่าสุดในครั้งนี้ ที่จะเพิ่มการรองรับผู้โดยสารขึ้นเป็น 150 ล้านคนจากแผนแม่บทเดิมที่วางไว้ที่ 120 ล้านคน
โดยแผนสร้างเทอร์มินัลด้านทิศใต้ จะเป็นอาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 ที่จะไปสร้างในเฟส 5 ขณะที่แผนขยายอาคารผู้โดยสารฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก ที่เดิมเป็น 1 ใน 5 เฟสที่จะพัฒนา ก็ถูกตัดออกไปเป็นเอ็กซ์ตร้า เฟส หรือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ยังสามารถขยายได้ในอนาคต เพราะทอท.มองว่าการขยายในส่วนดังกล่าว ปัจจุบันไม่ตอบโจทย์ดีมานด์ผู้โดยสารแล้ว หากทอท.ผลักดันการสร้างนอร์ธเทอร์มินัล และการขยายอาคารผู้โดยสารทั้ง 2 ฝั่งจะมีผลกระทบต่อการให้บริการผู้โดยสารในอาคารผู้โดยสาร ซํ้าเติมสถานการณ์ปัจจุบันประสบความแออัดมากอยู่แล้วให้แย่ไปกว่าเดิม
ฝ่ายค้านหนุนยึดแผนเดิม
ดังนั้นเพื่อหาบทสรุป “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จึงสั่งให้ทอท.เปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนทั้งผู้เห็นด้วยและ เห็นต่าง หากทอท.เห็นจำเป็นต้องสร้างก็ให้เสนอมายังกระทรวงคมนาคม เพื่อผลักดันต่อไป ซึ่งคาดว่าทอท.จะชงแผนแม่บท ฉบับล่าสุดให้กระทรวงคมนาคม ภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อเสนอไปยังสภาพัฒน์พิจารณาต่อไป
โดยกลุ่มที่คัดค้าน นำทีมโดย “สามารถ ราชพลสิทธิ์” วิศวกรผู้ร่วมจัดทำแผนแม่บทสนามบินสุวรรณภูมิ และ “สมเจตน์ ทิณพงษ์” อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด (บทม.) ที่ต่าง ยืนกระต่ายขาเดียวว่าเทอร์มินัลตัดแปะที่เกิดขึ้นมาใหม่ เป็นการก่อสร้างที่ผิดไปจากแผนแม่บทเดิม ที่วางไว้โดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เพิ่มงบลงทุน กระทบหลุมจอดอากาศยาน เป็นการเพิ่มภาระ การจราจรให้กับฝั่งมอเตอร์เวย์ให้หนาแน่นขึ้นกว่าเดิม จึงยืนยันให้ขยายอาคารผู้โดยสารฝั่งตะวันออก และขยายอาคารผู้โดยสารฝั่งตะวันตก ก่อน แล้วไปสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ด้านทิศใต้ของสนามบิน
ทั้งเห็นควรว่าทอท.ควรจะดำเนินการพัฒนาตามแผนแม่บทเดิม ไม่ควรปรับเปลี่ยน โดยเร่งขยายอาคารผู้โดยสารฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกก่อน เพราะออกแบบแล้วและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)แล้ว และให้เร่งก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ด้านทิศใต้ ฝั่งบางนาตราด และล่าสุดยังเตรียมจะเข้าร่วมการเสวนาในหัวข้อ “เทอร์มินัล2 ตัดแปะ” หายนะ สุวรรณภูมิ?ที่จัดโดยคณะกรรมการจัดงานวิศวกรรมแห่งชาติ 2562 ในวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ ที่อิมแพ็ค ฟอรัม เมืองทองธานี
แอร์ไลน์หนุนทอท.เร่งขยาย
ส่วนกลุ่มที่หนุนให้ทอท.เร่งขยายสนามบิน ส่วนใหญ่จะเป็นมุมของฝั่งผู้ใช้บริการสนามบิน อย่างสายการบินต่างๆ
นายหลุยส์ มอร์เซอร์ เลขาธิการคณะกรรมการ Airport Consultative Committee (ACC) ซึ่งเป็นกรอบหนึ่งในการทำงานของสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ(ไออาต้า) มองว่า ไออาต้า แนะ นำว่าสนามบินควรมีการปรับเปลี่ยนพิจารณาแผนแม่บทอย่างน้อยทุก 5 ปี ต้องดูกายภาพและคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารว่า เป็นไปตามคาดการณ์หรือไม่ ซึ่งเจ้าของสนาม บินต้องเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ ซึ่งประเด็นของสนามบินสุวรรณภูมิในปัจจุบัน คือ การพัฒนาแผนแม่บทช้ากว่าขีดจำกัดของการรองรับผู้โดยสาร ตอนนี้ก็อยู่ที่การพิจารณาแล้วว่าจะทำการปรับเปลี่ยนแผนแม่บทอย่างไร
ด้านนายฮอร์สท์ โบห์ลิง อดีตนายสถานีของสายการบินลุฟท์ฮันซ่า และเคยเป็นทีมชุดแรกๆ ที่ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ กล่าวว่าการก่อสร้างส่วนเทอร์มินัลส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ เป็นทาง ออกที่ดีที่สุด และเพื่อรองรับปริมาณการจราจรที่เพิ่มในอนาคต ยังมีความจำเป็นต้องสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 และ 4ภายในระยะเวลา 10 ปี หรืออาจจะเร็วกว่านั้น และควรจะมีการขยายการก่อสร้างในระยะที่ 3 ด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดเป็นมุมมองทั้งเห็นด้วยและเห็นต่าง กับทิศทางของทอท.ที่ฟันธงแน่นอนในการเดินหน้าลงทุนตามแผนแม่บทการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิฉบับล่าสุดที่เกิดขึ้น
รายงาน โดย ธนวรรณ วินัยเสถียร
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,521 วันที่ 10-13 พฤศจิกายน 2562