สร้างความฮือฮาท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ได้มากโข สำหรับแคมเปญ Stay Home Still Doomm “ตัวห่าง แต่นมชิด” ที่เกาะกระแส Social Distancing เว้นระยะห่างระหว่างกัน ด้วยการให้คำมั่นสัญญากับลูกค้าว่า ถึงตัวเราจะห่างกัน “แต่นมท่านจะไม่ห่างออกจากกัน” ที่ชุดชั้นใน “ซาบีน่า” ส่งออกมาหวังแก้วิกฤติยอดขายในห้างที่หายไปจนเกือบเป็น 0%
ความสำเร็จของแคมเปญนี้วัดได้จาก ยอดวิวในโลกโซเชียลที่ละทุ 1 ล้านวิวอย่างง่ายดายในเวลาเพียงแค่ 4 ชั่วโมง และล่าสุดอยู่ที่ตัวเลข 1.6 ล้านวิวหลังผ่านไปไม่ถึง 12 ชั่วโมง สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับซาบีน่า และในวงการตลาดชุดชั้นในด้วย ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจไม่น้อย
“ฐานเศรษฐกิจ” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ “พิชชา ธนาลงกรณ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) เจ้าของไอเดียเจิดๆนี้
พิชชา ธนาลงกรณ์
“พิชชา” เล่าว่า แคมเปญนี้เกิดขึ้นจากการระดมสมองอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เกิดมีมาตรการปิดห้าง เพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายหายไป ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคเองก็ลดการเดินทาง ใช้ชีวิตอยู่กับบ้าน การจะเข้าถึงผู้บริโภคให้ได้มากที่สุดจึงเป็นเรื่องของ Online Campaign ที่จะสร้างให้เกิดไวรัล และชั่วโมงนี้คงไม่มีกระแสอะไรจะแรงเท่า “ไวรัสโควิด-19” จึงถูกนำมาสนับสนุนในช่องทางการขายออนไลน์นี้
“สิ่งแรกที่คิดคือ ต้องการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ขณะที่ในโลกโซเชียลพูดถึงเรื่องของ Social Distancing เว้นระยะห่างระหว่างกัน หนึ่งในแนวทางที่จะช่วยลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงนำมาปรับใช้ให้เข้ากับซาบีน่า Doom Doom ที่มีคอนเซปท์ “สนุกสนาน” และมีจุดขายที่ “นมชิด” จึงนำมามิกซ์กัน จนกลายเป็นแคมเปญ “ตั ว ห่ า ง แ ต่ นมชิด” S t a y H o m e S t i l l D OO M M ที่กำลังเป็นที่พูดถึงในโลกโซเชียลขณะนี้”
พิชชา บอกว่า วันนี้แบรนด์ระดับโลก นำเรื่องของไวรัสเข้ามาใช้ในแคมเปญการตลาด ซึ่งแต่ละแบรนด์เลือกที่จะสื่อสารแตกต่างกันไปตามความเหมาะสม ขณะที่ของ “ซาบีน่า” ถือว่าเป็นความสำเร็จที่เกินคาด เห็นได้จากยอดวิว ยอดแชร์ที่สูงกว่า 1 ล้านวิวภายในระยะเวลาแค่ 4 ชั่วโมง ส่วนหนึ่งมองว่าเพราะ on trend ยอดวิวจึงเป็นยอดออแกนิคล้วนๆ ส่วนผู้ที่คลิกเข้าไปชมก็สามารถรับส่วนลด 919 บาท เมื่อซื้อสินค้าตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป
ซึ่ง “พิชชา” บอกว่าไม่ได้คาดหวังยอดขายอะไรมาก ขอเพียงให้พยุงตัวเลขยอดขายให้กลับมาใกล้เคียงกับยอดขายในห้างที่หายไปเท่านั้น และอนาคตจะนำไปต่อยอดในแคมเปญต่างๆ ขณะเดียวกันก็มีแผนจะเปิดตัวแคมเปญอื่นๆ ออกมาเพิ่มเติมด้วย เพื่อรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคในซัมเมอร์นี้
นอกจากการทำมาร์เก็ตติ้งแคมเปญออกมาต่อเนื่องแล้ว “พิชชา” บอกว่า ซาบีน่า ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของอินโนเวชั่นด้วย ดังนั้นวันนี้นอกจากจะมีคอลเลคชันใหม่ที่ออกมาสร้างสีสัน แปลกใหม่ เช่น Sabina Invisible Wire รุ่นพิเศษ Half Edition ที่ผลิตมาโดยเฉพาะให้บราครึ่งนึงมีโครง อีกครึ่งนึงไม่มีโครง และขายเพียงครึ่งราคา เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองใส่เทียบให้เห็นระหว่างข้างมีโครงและข้างไร้โครง ว่าบราไร้โครง Sabina Invisible Wire ทรงดี เหมือนบรามีโครงจริง หากใส่แล้วถูกใจ ลูกค้าสามารถนำ Sabina Invisible Wire รุ่น Half Edition ไปแลกบราไร้โครง Sabina Invisible Wire แบบเต็มตัว ได้ ก็ถือเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งในการสร้างแบรนด์และยอดขายที่แปลกและแตกต่าง
สุดท้ายพิชชา ยังบอกว่า แม้จะมีคอลเลคชันใหม่ออกมาต่อเนื่อง เพื่อรองรับลูกค้าที่หลากหลาย แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ยังนิยมในแบบเบสิค ขณะที่คอลเลคชั่นใหม่ทั้งแบบฟังก์ชันนอล และแฟชั่น ที่ออกมาถือเป็นการสร้างสีสัน และการรับรู้ใหม่ๆ ให้กับตลาด ส่วนในซัมเมอร์นี้จะส่งคอลเลคชั่นใดออกมาบ้างนั้น ขณะนี้ยังต้องรอดูสถานการณ์และเลือกความเหมาะสม เพราะยังมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเป็นรายวัน การทำตลาดหรือวางแผนการตลาดก็ต้องปรับเปลี่ยนรายวันตามสถานการณ์เช่นกัน
ไม่ใช่เพียงแค่นี้ โรงงานผลิตชุดชั้นในของซาบีน่ายังได้เริ่มเปิดสายการผลิตหน้ากากผ้าโดยเฉพาะ โดยเริ่มต้นที่โรงงานซาบีน่า จังหวัดยโสธร เป็นโรงงานนำร่อง จากจุดเริ่มต้นที่ผลิตสำหรับแจกจ่ายให้กับพนักงานภายในโรงงาน ส่วนโรงงานอื่นๆ เช่น โรงงานซาบีน่า สาขา พุทธมณฑลสาย 5 ได้เริ่มผลิตหน้ากากผ้ามาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่ได้เปิดสายการผลิตอย่างเป็นทางการ จนกระทั่งโมเดลของโรงงานยโสธร เป็นโมเดลที่ได้รับกระแสตอบรับจากทั้งในจังหวัดยโสธรและจังหวัดใกล้เคียง และล่าสุดทางโรงงานได้รับการติดต่อให้ผลิตหน้ากากผ้าจากหน่วยงานราชการ รวมถึงโรงพยาบาลและสถานบริการด้านสาธารณสุข ทำให้ตัดสินใจเปิดสายการผลิตใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับผลิตหน้ากากผ้า ด้วยวัสดุเกรดเอ ภายใต้มาตรฐานการผลิตของซาบีน่าด้วย
ส่วนใครที่อยากรู้ว่าแคมเปญ “ตั ว ห่ า ง แ ต่ นมชิด” S t a y H o m e S t i l l D OO M M เป็นอย่างไร คลิกเข้าไปดูได้ที่ https://bit.ly/2UtAdm6 หรือผ่านไลน์ @ : @SabinaThailand
ถือเป็นอีกกรณีศึกษาในการพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ได้ทั้งยอดวิวและยอดขายไปพร้อมกัน…