ครม.ไฟเขียว “บีบีเอส”คว้า "อู่ตะเภา" เซ็นสัญญา19มิ.ย.นี้

02 มิ.ย. 2563 | 05:28 น.
อัปเดตล่าสุด :02 มิ.ย. 2563 | 09:22 น.

ครม.ไฟเขียว “กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส” คว้าประมูลโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก จ่อเตรียมลงนามสัญญาในการร่วมทุน วันที่ 19 มิถุนายนนี้

      ใน การประชุมครม.วันที่ 2 มิถุนายน2563 ครม.มีมติรับทราบและเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่ง กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส (BBS Joint Venture) เป็นผู้ชนะการประมูล
    แหล่งข่าวระดับสูงจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" วันนี้ครม.เห็นชอบให้กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส เป็นผู้ชนะประมูลโครงการดังกล่าว  โดยเบื้องต้นกำหนดให้มีการลงนามในสัญญาการร่วมลงทุน ใน วันที่ 19 มิถุนายนนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล
       ทั้งนี้ กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส เป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกโดยได้เสนอราคาเป็นจำนวนเงินประกันผลตอบแทนค่าเช่าและส่วนแบ่งรายได้ขั้นต่ำรายปีรวมตลอดอายุสัญญาร่วมทุน เมื่อคำนวณเป็นมูลค่าปัจจุบัน (Present Value) ณ ปี 2561 โดยใช้อัตราคิดลดร้อยละ 3.76 เท่ากับ 305,555,184,968 บาท ตลอดอายุสัญญา 50 ปี

ครม.ไฟเขียว “บีบีเอส”คว้า \"อู่ตะเภา\" เซ็นสัญญา19มิ.ย.นี้

     โดยการลงทุนพัฒนา “เมืองการบินภาคตะวันออก”  ในพื้นที่ 6,500 ไร่ บริเวณสนามบินอู่ตะเภา โดยมี 6 กิจกรรมสำคัญ การลงทุนของโครงการรวมเป็นเงินลงทุนรวมประมาณ 290,000 ล้านบาท (จากการศึกษาความเหมาะสมโครงการฯ) และจากการมีมติให้กลุ่มบีบีเอส ชนะประมูลเมืองการบินอู่ตะเภา รัฐได้ประโยชน์เพิ่มเติม  ได้แก่

   1.ด้านการเงิน (ค่าเช่าที่ดิน ส่วนแบ่งรายได้) มูลค่าปัจจุบัน 305,555 ล้านบาท (เป็นเงินรวม 1,326,000 ล้านบาท ใน 50 ปี)

   2.ได้ภาษีอากรเพิ่ม  มากกว่า 62,000 ล้านบาท (ไม่นับรวมรายได้ภาษีทางอ้อมกับธุรกิจเชื่อมโยงนอกเมืองการบินภาคตะวันออก)

   3. เกิดการจ้างงานเพิ่ม 15,600 ตำแหน่งต่อปี ในระยะ 5 ปีแรก

   4.เพิ่มเทคโนโลยี และพัฒนาทักษะแรงงานด้านธุรกิจการบิน และธุรกิจเชื่อมโยง

   5. สิ้นสุดสัญญาทรัพย์สินทั้งหมด ตกเป็นของรัฐ

 

      นอกจากนี้เพื่อ ผลประโยชน์ร่วมของ “โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน ภาคตะวันออก” และ “โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3  สนามบิน” ก็จะมีการ “แต่งตั้งคณะอนุกรรมการร่วมประสานงาน โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา” เพื่อให้มีการทำงานอย่างบูรณาการเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดเชื่อมโยงแผนงานการก่อสร้าง และแผนการเปิดบริการให้สอดคล้องหรือพร้อมกันได้

ครม.ไฟเขียว “บีบีเอส”คว้า \"อู่ตะเภา\" เซ็นสัญญา19มิ.ย.นี้

         สนามบินอู่ตะเภาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการรถไฟความเร็วสูง และสร้างความต้องการทำให้ปริมาณผู้โดยสารรถไฟความเร็วสูงเพิ่มขึ้นรถไฟความเร็วสูง ทำให้การเดินจากกรุงเทพมายังสนามบินอู่ตะเภาเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ ส่งผลให้ได้รับความนิยมและความสะดวกสบายยิ่งขึ้นในการใช้สนามบิน
      กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส ประกอบไปด้วยการร่วมทุนระหว่างบมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง 35%  บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ถือหุ้น 45%และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ถือหุ้น20%โดยเสนอ Narita International Airport Corporation เป็นผู้รับจ้างในการบริหารสนามบิน
        สำหรับการประมูลโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ที่ผ่านมา มีเอกชนยื่นประมูล 3 ราย ได้แก่

      กลุ่มที่ 1: กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส (BBS Joint Venture) (กลุ่มบีบีเอส)  ประกอบด้วย บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (Lead Firm) บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยเสนอ Narita International Airport Corporation เป็นผู้รับจ้างในการบริหารสนามบิน

      กลุ่มที่ 2: กลุ่ม Grand Consortium  ประกอบด้วย บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) (Lead Firm) บริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด โดยเสนอ GMR Airport Limited (GAL) เป็นผู้รับจ้างในการบริหารสนามบิน

      กลุ่มที่ 3: กลุ่มกิจการค้าร่วม บริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่มกิจการค้าร่วมธนโฮลดิ้งฯ) หรือเครือซีพี