กลุ่มธุรกิจโรงแรมรายใหญ่ของไทย ได้เริ่มทยอยกลับมาเปิดโรงแรมแล้ว แม้บางกลุ่มอาจจะยังกลับมาให้บริการได้ไม่ครบ 100% ซึ่งหากไม่เกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 ในไทย การท่องเที่ยวภายในประเทศ ก็จะกระเตื้องขึ้น เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณบวกบ้างแล้ว ขณะเดียวกันแผนการลงทุนในโครงการใหม่ ที่กลุ่มธุรกิจโรงแรมรายใหญ่วางแผนไว้ ก็ยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผนที่วางไว้ เพราะต่างมองว่าเมื่อโควิด-19 คลี่คลาย ไทยก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญด้านการท่องเที่ยวเช่นเดิม
ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนของ “เกษมกิจ กรุ๊ป” และ “บมจ.แกรนด์ แอสเสท” ที่มุ่งขยายการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออก(อีอีซี) ไม่ว่าจะเป็นจ.พัทยา,จ.ระยอง โดยเฉพาะการพัฒนาของท่าอากาศยานอู่ตะเภา การสร้างรีสอร์ตหรูวาลา หัวหิน-นู แชปเตอร์ ของ “เดอะ รีเจ้นท์ กรุ๊ป” เพื่อเจาะลูกค้ากลุ่มใหม่ การไปร่วมลงทุนโครงการเซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า ของ บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซา หรือ “CENTEL” การลงทุนในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ของดุสิตธานีและซีพีเอ็น และการลงทุนของกลุ่มไมเนอร์
นางธีรวัลคุ์ เตชะอุบล ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการ กลุ่มโรงแรมในเครือ เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ปัจจุบันเกษมกิจ กรุ๊ป อยู่ระหว่างการลงทุนสร้างโรงแรม แคนทารี บ้านฉาง ขนาด 160 ห้องลงทุนราว 400 กว่าล้านบาท โดยได้ลงทุนมาร่วมปีกว่าแล้ว คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปลายเดือนมีนาคมปีหน้า ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะรองรับกลุ่มนักธุรกิจในพื้นที่อีอีซี และรองรับเมืองการบินอู่ตะเภา เนื่องจากโครงการตั้งอยู่ในอ.บ้านฉาง ใกล้สนามบินอู่ตะเภา
อย่างไรก็ตามแม้เราจะมีโรงแรมอยู่ที่จ.ระยองอยู่แล้วหลายแห่ง อย่าง โรงแรมคามิโอ แกรนด์ ระยอง, โรงแรมแคนทารี เบย์ ระยอง, โรงแรมคลาสสิค คามิโอ ระยอง แต่ด้วยพื้นที่บ้านฉาง ที่ใกล้ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ก็จะเป็นการรองรับลูกค้าในรอบพื้นที่ดังกล่าว และเป็นการลงทุนใหม่เพิ่มเติมจากโครงการที่ได้ประกาศแผนลงทุนไปก่อนหน้านี้ คือการสร้างโรงแรม 3 แห่ง ใน 2 พื้นที่ คือ พัทยาและขอนแก่น ซึ่งเป็นแลนด์แบงก์ที่มีอยู่เดิม โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการขออนุญาตก่อสร้าง
นายชายนิด อรรถญาณสกุล กรรมการบริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างลงทุนโครงการมิกซ์ยูสที่จ.ระยอง ลงทุนราว 5 พันล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วย วิลล่าหรู และโรงแรม ไฮแอท รีเจนซี่ ระยอง ขนาด 209 ห้อง ซึ่งในส่วนของโรงแรมคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ปลายปี64
นายโทมัส ไมเออร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ (เอเชีย) กลุ่ม ไมเนอร์ โฮเทลส์ ในเครือบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชันแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยว่า กลุ่มไมเนอร์ โฮเทลส์ ยังคงเดินหน้าแผนการพัฒนาโครงการใหม่ตามไปป์ไลน์เดิม แม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมีโครงการในไปป์ไลน์กว่า 14 โครงการ ทั้งโรงแรม โรงเรียนการโรงแรม และศูนย์ดูแลสุขภาพ
ไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงแรมใต้แบรนด์ “อนันตรา” ได้แก่ อนันตรา ดับลิน, อนันตรา อูบุด , อนันตรา โรม , อนันตรา บูดาเปสต์ , อนันตรา นีซ โครงการโรงแรมใต้แบรนด์ “อวานี” ได้แก่ อวานี พลัส เกาะลันตา, อวานี พลัส เขาหลัก, อวานี ดอค เล็ทซ์ , อวานี แฟร์ มัลดีฟส์ รวมถึงยังมีโครงการรับบริหารโรงแรมในภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย
นอกจากนั้น ยังมีโครงการศูนย์สุขภาพ (Wellness Center) หรือ VLCC ที่ทางไมเนอร์ฯ ร่วมกับ เวอริตา เฮลท์แคร์ กรุ๊ป เตรียมเปิดศูนย์บริการสุขภาพเวอริตา ในพื้นที่โรงแรมอนันตรา สยาม และอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ซึ่งน่าจะเริ่มบริการได้ภายในปีนี้ รวมถึงยังมีโครงการนี้ในพื้นที่ของโรงแรมอนันตรา หัวหินและโครงการ Clinique La Prairie ในพื้นที่โรงแรมเซนต์ รีจิส ซึ่งอยู่ในแผนการลงทุนด้วย
“แนวโน้มที่คนใส่ใจด้านสุขภาพมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ และหลังจากพ้นโควิด-19 คนจะยิ่งใส่ใจสุขภาพมากขึ้น การเปิดให้บริการศูนย์บริการสุขภาพที่เราร่วมมือกับเวอริตา เฮลท์แคร์ ก็จะสอดคล้องกับพฤติกรรมที่คนให้ความสำคัญกับการบริการด้านสุขภาพมากขึ้น”
รวมถึงยังได้ก่อตั้ง Asian Institute of Hospitality Management, in Academic Association with Les Roches Global Hospitality Education (AIHM) สถาบันฝึกอบรมทางด้านการบริการภายใต้ความร่วมมือด้านวิชาการกับ เลส์ โรชส์ โกลบอล ฮอสปิตอลลิตี้ เอ็ดดูเคชั่น ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชนด้านการบริหารจัดการธุรกิจบริการที่ระดับโลก ใน 2 วิทยาเขตทั้งกรุงเทพฯ และพัทยา ที่เตรียมจะเปิดให้บริการในเร็วๆนี้
สำหรับการดำเนินธุรกิจโรงแรมของไมเนอร์ ในไทย ขณะนี้ทยอยเปิดให้บริการโรงแรมในไทยแล้ว 18 แห่ง จากทั้งหมด 29 แห่งในไทย หลังจากรัฐบาลคลายล็อกดาวน์ทั่วประเทศ และในช่วงที่ผ่านมาก็เริ่มเห็นสัญญาณบวกของตลาดการท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,593 วันที่ 19 - 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2563