นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ตามที่ อสมท ได้ประกาศวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนองค์กรให้เป็น “Trusted Content & Platform” โดยเพิ่มหน่วยธุรกิจใหม่ คือ สายงานธุรกิจดิจิทัลและแพลตฟอร์ม เมื่อไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เพื่อปรับรูปแบบธุรกิจขององค์กรให้ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมารับชมข้อมูลข่าวสารและ Content ทางสื่อออนไลน์มากขึ้น รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายจาก Digital Disruption ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ทำให้ อสมท วางแผนพัฒนาศักยภาพของตัวเองในด้านธุรกิจ Digital อย่างรวดเร็วมากขึ้น
ทั้งนี้ทศวรรษใหม่ของ อสมท หลังจากที่ทีมงานดิจิทัลมีความพร้อมมากขึ้น ได้ขับเคลื่อนธุรกิจเทคโนโลยี ภายใต้แนวคิด “The New Digital Journey” โดยขยายการเดินทางสู่ 3 เส้นทางใหม่ ประกอบด้วย Digital Content, Digital Entertainment, และ Digital Solutions เพิ่มการผลิต Contents ให้มีความหลากหลายมากขึ้น ขยายช่องทาง Entertainment ไปอยู่บนแพลตฟอร์มพันธมิตรดิจิทัลใหม่ๆ ที่ทันสมัย รวมถึงการเปิดตัว Digital Solutions ใหม่ๆ ผ่านแพลตฟอร์มที่ตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุค New Normal
โดยการเพิ่มขีดความสามารถในด้านธุรกิจดิจิทัลในครั้งนี้เป็นการต่อยอดการผลิตเพื่อมุ่งสู่ธุรกิจข้อมูลและสารสนเทศ (Data and Information) ที่มีรากฐานมาจาก Content ที่น่าเชื่อถือ โดยตั้งเป้าหมายให้กับ Digital Content ของ อสมท ต้องก้าวสู่ระดับ Top 5 ภายใน 2 ปี รวมถึงการแสวงหาพันธมิตรใหม่ๆ ในธุรกิจ Non Broadcast เพื่อขยายช่องทางการเติบโตของธุรกิจให้กับ อสมท ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นกับองค์กรในช่วงที่ธุรกิจสื่อดั้งเดิมอยู่ในช่วงขาลง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"สหภาพ อสมท" พบ“เทวัญ” ย้ำขอให้ชะลอคำสั่งตั้ง6ผู้บริหาร
สำหรับการเปิดศักราชใหม่ของธุรกิจดิจิทัลในครั้งนี้ อสมท ได้จับมือกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในด้านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ประกอบด้วย Line TV และ บริษัท TikTok ประเทศไทย มาเสริมทัพความสนุกให้กับ Entertainment ของ อสมท ในครึ่งปีหลังนี้ อสมท จะร่วมกับพันธมิตรด้านดิจิทัลที่หลากหลายมากขึ้น โดยมี บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่ม Digital Agency รายใหญ่ที่มีฐานลูกค้ามากมาย รวมทั้งระบบการตลาดที่จะมาร่วมสร้างความเข้มแข็งให้กับ อสมท ในด้านดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่นคู่ขนานกับการพัฒนาธุรกิจ E-commerce ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกปี
พร้อมกันนี้ยังรุก Content สู่ดิจิทัลแพลตฟอร์ม ด้วยการปรับคาแรคเตอร์ของ Website mcot.net ให้แตกต่างจากสำนักข่าวไทยออนไลน์ โดยพัฒนา MCOT DIGITAL พลิกแบรนด์สู่การเป็น Platform BACKBONE ขยายฐานผู้ชมตอบโจทย์คนเมือง เติมภาพลักษณ์ของ MCOT DIGITAL ให้มีความชัดเจน มากขึ้นด้วย Creative Content พร้อมแคมเปญพิเศษคอนเทนต์ออนไลน์ เอาใจ สายกิน สายช้อป นักรีวิว โดยจะผนึกกำลังพันธมิตร Food Story, Retty Thailand, และ spoonwalk
สำนักข่าวไทย พลิกโฉมสำนักข่าวไทยบนแพลตฟอร์มดิจิทัลมาเป็นสำนักข่าวออนไลน์เต็มรูปแบบ ด้วยกลยุทธ์ More Reach, More Impact ในชื่อ “MCOT Online News” , ชัวร์ก่อนแชร์ เติมเต็มเทคโนโลยีการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่สังคมอยากรู้ ให้ความรู้เท่าทันสื่อ เพื่อต้านกระแสข่าวปลอม (Fake News) ทั้งในไทยและต่างประเทศ
“WHAM” Music and Art Community Platform Lifestyle Platform เพื่อคนไทยที่มีใจรักในดนตรี แฟชั่น และศิลปะร่วมสมัย ,IRIS Project เกมไอริส เกมแนว Survival ที่ตื่นเต้นเร้าใจ พัฒนาโดยฝีมือคนไทย นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว 9 Entertain แอปพลิเคชันบันเทิงโฉมใหม่ ประจำปี 2020 ที่จะพาคุณบันเทิงไปกับฟีเจอร์ต่างๆ ทั้ง Star Event , Little Yak ,Digital Solutions ,The Master ผ่านมุมมองระดับ Master แบบ Exclusive ภายใต้แนวคิด “Think Like The Master” เริ่มในไตรมาส 4 ปี 2563
ขณะเดียวกันยังพัฒนา Digital Solutions ชูแพลตฟอร์มใหม่ในยุค New Normal MCOT มีแผนเปิดตัว Digital Solutions ในรูปแบบ Platform ต่างๆ และยังมีบริการ Digital Solutions ในรูปแบบแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่จะมาตอบโจทย์ของผู้บริโภคในยุค New Normal ได้แก่ The Master แพลตฟอร์มที่รวบรวมกูรูในสาขาต่างๆ ที่จะมาให้ความรู้ เคล็ดลับและทางลัดสู่ความสำเร็จ ,The Shot แพลตฟอร์มขายลิขสิทธิ์ Footage ทั้ง วิดีโอ ภาพนิ่ง และกราฟฟิก (Vector) ที่โดยจะเริ่มในไตรมาส 4 ปี 2563
อย่างไรก็ตามสำหรับการวางพื้นฐานทางธุรกิจใหม่นี้ จะใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี เพื่อสร้างเม็ดเงินใหม่ๆ มาทดแทนรายได้จากธุรกิจเดิม และคาดหวังให้ธุรกิจนี้มีการขยายและเติบโตมากขึ้น ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้ของ อสมท จะมาจาก 3 แหล่งใหญ่ในอนาคต คือ โทรทัศน์ วิทยุ และดิจิทัล ในขณะที่ธุรกิจโครงข่ายเป็นส่วนสนับสนุนที่ก่อให้เกิดรายได้คงที่ แต่ธุรกิจดิจิทัลจะมีอัตราการเติบโตที่เร็วกว่า ตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้ของ อสมท ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะมาจากธุรกิจโทรทัศน์ 35% ธุรกิจวิทยุ 30% ธุรกิจดิจิทัล 25% และอื่นๆ 10% ภายในปี 2565