“ไทยเวียตเจ็ท” ยืนหนึ่ง ขยายธุรกิจโตสวนโควิด

02 ก.ย. 2563 | 01:47 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.ย. 2563 | 02:14 น.

ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 “ไทยเวียตเจ็ท” เป็นสายการบินเดียวที่ยังคงขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ทั้งยังเดินหน้ารับสมัครพนักงานใหม่ ส่วนพนักงานยังคงได้รับเงินเดือนในอัตราเดิม

       ท่ามกลางวิกฤติ โควิด-19 สายการบินเอกชนสัญชาติไทย ต่างดิ้นรน ดาวน์ไซซ์องค์กร เพื่อประคองตัว ซึ่งในปีนี้เกือบทุกสายการบินมีปริมาณเที่ยวบินหดตัวลงอย่างมาก หากเทียบกับปีก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัส มีเพียง “ไทยเวียตเจ็ท” ที่ยังคงขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งยังเดินหน้ารับสมัครพนักงานเพิ่ม และที่ผ่านมาพนักงานยังคงได้รับเงินเดือนในอัตราเดิม

“ไทยเวียตเจ็ท” ยืนหนึ่ง ขยายธุรกิจโตสวนโควิด

        ก่อนหน้าโควิด-19 สายการบิน ไทยเวียตเจ็ท ทำการบินอยู่เพียง 8 เส้นทาง โดยใช้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นศูนย์กลางการบิน ซึ่งทำการบินในประเทศเพียง 5 เส้นทาง คือ ภูเก็ต, เชียงใหม่, กระบี่, เชียงราย, อุดรธานี และเส้นทางบินระหว่างประเทศ คือ เส้นทางไปยังไทเป (ไต้หวัน) และเส้นทางไปยังดานัง,ดาลัด (ประเทศเวียดนาม)
         แต่หลังจากเกิดโควิด ไทยเวียตเจ็ท ได้หยุดทำการบินเฉพาะเส้นทางบินระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังคงทำการบิน 5 เส้นทางในประเทศเหมือนเดิม แต่ลดปริมาณความถี่ของเที่ยวบินให้สอดรับกับความต้องการในการเดินทางในช่วงที่รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ แต่หลังจากรัฐบาลคลายล็อกดาวน์และสนับสนุนให้คนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศ ไทยเวียดเจ็ท ได้ทยอยเปิดจุดบินใหม่เติมอย่างต่อเนื่อง

“ไทยเวียตเจ็ท” ยืนหนึ่ง ขยายธุรกิจโตสวนโควิด

        จากก่อนโควิดที่มีเที่ยวบินในประเทศอยู่ 5 จุดบิน รวมความถี่ราว 35 เที่ยวบินต่อวัน ปัจจุบันเปิดจุดบินเพิ่มเป็น 13 เส้นทาง โดยทำการบินจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปยังจังหวัดต่างๆ 11 เส้นทางบิน อาทิ เชียงใหม่, เชียงราย, ขอนแก่น, อุดรธานี,อุบลราชธานี, หาดใหญ่, กระบี่, ภูเก็ต, นครศรีธรรมราช รวมถึงเส้นทางบินข้ามภูมิภาค อีก 2 เส้นทางเช่น เชียงราย-ภูเก็ต,เชียงราย-อุดรธานี รวมความถี่ 50 เที่ยวบินต่อวัน

        นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดอีก 2 เส้นทางบินใหม่ในช่วงปลายปีนี้ คือ เส้นทางสุวรรณภูมิ-สุราษฎร์ธานี และเส้นทางเชียงราย-หาดใหญ่ อย่างไรก็ตามการขยายจุดบินใหม่ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ล่าสุดไทยเวียตเจ็ท ได้ประกาศรับสมัครพนักงานภาคพื้น ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งแต่วันที่ 26-28 สิงหาคม2563 โดยรับสมัครพนักงานจำนวน 120 อัตรา แต่มีคนเข้าคิวสมัครงานเฉลี่ยราววันละ 400 กว่าคน

“ไทยเวียตเจ็ท” ยืนหนึ่ง ขยายธุรกิจโตสวนโควิด

“ไทยเวียตเจ็ท” ยืนหนึ่ง ขยายธุรกิจโตสวนโควิด

        อีกทั้งสายการบินยังมีแผนปรับการใช้ฝูงบินใหม่หลังโควิด โดยเตรียมเช่าเครื่องบินเพิ่มขึ้นอีก 4 ลำ จากบริษัทแม่ คือ เวียตเจ็ท แอร์ (เวียดนาม) เพื่อนำมาขยายเครือข่ายเพิ่มขึ้นในไทยด้วย โดยปัจจุบันสายการบินมีเครื่องบินทั้งหมด 11 ลำ เป็นแอร์บัสเอ 320 จำนวน 6 ลำ และแอร์บัสเอ 321 จำนวน 5 ลำ

         แหล่งข่าวระดับสูงจากผู้ประกอบการสายการบิน เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ไทยเวียตเจ็ท เป็นสายการบินเดียว ที่ในปีนี้มีการขยายเครือข่ายในไทย เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากเมื่อทำการบินในเส้นทางต่างประเทศไม่ได้ การใช้งานเครื่องบินก็สามารถนำมาใช้งานได้เพิ่มขึ้น เมื่อนำมาบินในประเทศ เพราะระยะเวลาบินที่สั้นกว่า ทำความถี่ได้มากกว่า ประกอบกับหลายสายการบินมีการลดจุดบินลงไป ก็เป็นโอกาสที่ไทยเวียตเจ็ท จะเข้ามาขยายเครือข่าย   และที่ผ่านมา สายการบินก็ปรับแผนหันมาให้บริการขนคาร์โก้ ไปยังต่างประเทศ เพื่อประคองตัว

 

            ทั้งนี้การที่ไทยเวียตเจ็ท กระทบน้อยกว่าสายการบินอื่น มาจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่  1. ไทยเวียตเจ็ท เพิ่งเปิดทำการบินในปี59 ทำให้ไม่ได้แบกภาระการขาดทุนมากกว่าสายการบินอื่น อีกทั้งบริษัทแม่ คือ เวียตเจ็ท แอร์ เวียดนาม ซึ่งเจ้าของ คือ ธนาคารเอชดีแบงก์ (HDBank) และนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของเวียดนาม ที่พร้อมสนับสนุนไทยเวียตเจ็ท เนื่องจากไทยเป็นยุทธศาสตร์สำคัญด้านการท่องเที่ยว และธุรกิจของสายการบินเวียตเจ็ท ของบริษัทแม่ที่เวียดนาม ที่ผ่านมาไม่นับปีที่เกิดโควิด ก็มีกำไรต่อเนื่อง

“ไทยเวียตเจ็ท” ยืนหนึ่ง ขยายธุรกิจโตสวนโควิด

             2. ไทยเวียตเจ็ท มีต้นทุนในการดำเนินธุรกิจตํ่ากว่าสายอื่น คือ มีพนักงานราว 700-800 กว่าคนเท่านั้น มีการใช้เครื่องบิน 2 รุ่น มีจำนวนที่นั่งต่างกัน คือ 230 ที่นั่ง และ180 ที่นั่ง ทำให้มีการบริหารจัดการการใช้งานที่ยืดหยุ่น กับความต้องการในการเดินทาง
           ไทยเวียตเจ็ท เป็นสายการบินเดียวของไทย ที่จัดว่าได้รับผลกระทบน้อยที่สุดหากเทียบกับสายการบินอื่น นกสกู๊ต เลิกกิจการไปแล้ว นกแอร์เข้าสู่กระบวนการฟิ้นฟูกิจการ บางกอกแอร์เวย์ส ลดต้นทน คืนเครื่องบิน เปิดโครงการสมัครใจลาออก เปิดโครงการลาหยุดโดยไม่รับค่าจ้างถึงเดือนธันวาคมปีหน้า ไทยไลอ้อนแอร์ คืนเครื่องบินจาก 35 ลำ เหลือ 11 ลำ ทยอยเลิกจ้างพนักงานไปแล้วกว่า 500 คน ในการประกาศเลิกจ้าง 3 ครั้งที่ผ่านมา

       ขณะที่สายการบินในกลุ่ม แอร์เอเชีย และ ไทยสมายล์ ลดเงินเดือนผู้บริหาร และเปิดโครงการลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือนสำหรับพนักงาน  แม้ ไทยเวียตเจ็ท อาจจะมีผลกระทบน้อยกว่าสายการบินอื่น แต่ในวิกฤตโควิด การขอสนับสนุนซอฟต์โลนจากรัฐบาลจึงเป็นเรื่องสำคัญในการพยุงสภาพคล่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็รับปากว่าจะไปช่วยดูให้ ในเดือนตุลาคมนี้ โดยทั้ง 7 สายการบินของไทย ยื่นขอซอฟต์โลน วงเงินรวม 2.4 หมื่นล้านบาท
        นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหารสายการบิน ไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า จากการเข้าหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี ทาง ผู้ประกอบการสายการบินในประเทศ 7 สายการบิน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ได้ยื่นข้อเสนอ 3  ข้อ คือ                1.ขอเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) วงเงินรวม  2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีรับปากและมอบหมายให้ปลัดกระทรวงการคลังไปประสานกับสถาบันการเงินของรัฐในการหาแหล่งเงินกู้ เบื้องต้นสายการบินในประเทศได้หารือกับ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ไว้เบื้องต้นแล้ว คาดว่าจะได้เงินกู้ในเดือน ต.ค.นี้

         2.ข้อเสนอในเรื่องการต่ออายุการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้่อเพลิงเครื่องบิน ซึ่งในเรื่องนี้กระทรวงการคลังขอกลับไปพิจารณาก่อน

        3.ข้อเสนอในเรื่องการลดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ ของสายการบินในประเทศ เช่น ค่าจอดเครื่องบิน ค่าservice chartและค่าธรรมเนียมผู้โดยสาร เป็นต้น ซึ่งข้อเสนอนี้ภาคเอกชนขอให้รัฐบาลช่วยขยายระยะเวลาลดค่าธรรมเนียมออกไปจนถึงเดือน ธ.ค.ปี 2564 แต่นายกรัฐมนตรีรับปากว่า จะขยายให้จนถึงเดือน มี.ค.2565
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไทยเวียตเจ็ท จัดตั๋วโปร รับหยุดยาวสงกรานต์ เริ่มต้น 99 บาท
"ไทยเวียตเจ็ท"เสียบแทน"แอร์เอเซีย"เปิดบินตรง"เชียงราย-หาดใหญ่"
ไทยเวียตเจ็ท จัดตั๋วโปรโมชั่นเริ่มต้นที่ 5 บาท จองด่วน 5 วันเท่านั้น


   ข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,605 วันที่ 30 สิงหาคม-2 กันยายน พ.ศ.2563