การประชุมครม.ในวันที่ 15 กันยายน 2563 รัฐบาลจะหารือถึง แนวทางการทยอยเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบจำกัด โดยจะมีการพิจารณาเรื่อง การออกวีซ่านักท่องเที่ยวแบบใหม่ (Special Tourist Visa : STV) สำหรับต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าไทย มีระยะเวลาให้อยู่ในไทยได้ 90 วัน และต่ออายุได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 90 วัน รวมสูงสุด 270 วัน เพื่อดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวพำนักระยะยาวหรือลองสเตย์เข้าในพักผ่อนและท่องเที่ยวในไทย
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่าการดึงกลุ่มพรีเมี่ยมลองสเตย์เข้ามา จะเป็นการทดลองการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทย เพราะต่างชาติที่เข้ามาจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของไทยใน 3 ด้าน ได้แก่ 1.ต้องอยู่ภายใต้มาตรการของกระทรวงสาธารณสุข 2.ใช้มาตรการเดียวกับกรณีที่คนไทยที่กลับจากต่างประเทศ และ3.การเข้าสู่กระบวนการกักตัว 14 วัน ภายในโรงแรม Alternative State Quarantine (ASQ)
ทั้งนี้หากครม.เห็นชอบวีซ่านักท่องเที่ยวแบบใหม่นี้ ลองสเตย์ต่างชาติที่สนใจมาเที่ยวไทย ก็สามารถเดินทางมาไทยได้ ทั้งที่เป็นกลุ่มที่เดินทางมาเที่ยวไทยด้วยตัวเองหรือเอฟไอที หรือ ผ่านบริษัทไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด ที่ททท.ถือหุ้นอยู่ หรือบริษัทต่างๆ ที่มีลูกค้ากลุ่มลองสเตย์ เราเปิดให้ทุกกลุ่มไม่ได้จำกัดเฉพาะต้องเดินทางผ่านบริษัทไทยจัดการลองสเตย์ จำกัดเท่านั้น ซึ่งต่างชาติที่สนใจจะสามารถเดินทางไปขอวีซ่าแบบใหม่นี้ได้ ที่สถานทูตไทยในต่างประเทศ
“การนำร่องต่างชาติกลุ่มนี้ เรามองว่าน่าจะเข้ามาไทยได้ราวหลักร้อยคนต่อเดือนเท่านั้น เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องของเส้นทางบินระหว่างประเทศ ที่ไทยยังไม่ได้เปิดรับเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ ซึ่งททท.ก็จะต้องมีการหารือร่วมกับผู้ประกอบการภาคเอกชน เอเย่นต์ และ สายการบินต่างๆ เพื่อจัดเช่าเหมาลำ ให้บริการกลุ่มลองสเตย์ผ่าน Special Tourist Visa : STV)”
โดยไทยต้องเลือกรับนักท่องเที่ยวประเทศที่ปลอดโควิด-19 หรือประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ ที่ต้องพิจารณาทั้งประเทศและพิจารณาเป็นรายพื้นที่ในประเทศนั้นๆ นักท่องเที่ยวต้องมีผลตรวจว่าไม่เป็นโควิดก่อนขึ้นเครื่องบินไม่เกิน 72 ชั่วโมง ซื้อประกัน มาไทยต้องก็ต้องติดตั้งแอพพลิเคชั่น และกักตัว 14 วัน ในโรงแรมที่ได้รับเลือกแป็น Alternative State Quarantine (ASQ) ซึ่งอยู่ในเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นเฉพาะจ.ภูเก็ต
นายยุทธศักดิ์ ยังกล่าวต่อว่า แผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างจำกัด ต้องเดินคู่ไปกับการรับมือกับโรคโควิด-19 อย่างเหมาะสม ไม่ใช่เพื่อธุรกิจ แต่เพื่อปากท้องและรักษาการจ้างงาน โดยต้องมีความสมดุลระหว่างความปลอดภัยด้านสาธารณสุข ความยินยอมจากคนในพื้นที่ เพราะหากไม่ทยอยนำร่องเปิดบ้างเลย ภาคธุรกิจก็คงอยู่ไม่ได้
เนื่องจากไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 และไทยมีรายได้ของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งครองสัดส่วนถึง 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี ทั้งนี้หากไตรมาส 4 ปีนี้ ยังไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย อาจมีแรงงานภาคท่องเที่ยวตกงาน 2.5 ล้านคน จากปัจจุบันที่มีอยู่ทั้งหมด 4 ล้านคน
ด้านน.พ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นศูนย์ การจะเปิดรับต่างชาติให้ทยอยเดินทางมาเที่ยวไทย ต้องโฟกัสไปที่นักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์ (Long Stay) เป็นหลักก่อน เพราะจะสามารถฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของไทยได้ง่ายกว่า ขณะที่สเต็ปต่อไปค่อยหันมาโฟกัสการท่องเที่ยวแบบดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วไป เนื่องจากขณะนี้การทำให้สังคมยอมรับยังเป็นเรื่องลำบาก
“การดึงกลุ่มลองสเตย์ต่างชาติเข้าไทยได้ก่อน จะสามารถกระตุ้นได้ดีมากกว่า เพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์จะมาอยู่ไทยนานมากกว่า 3-6 เดือน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการกักตัว และตัวนักท่องเที่ยวเองก็เต็มใจมากกว่า เพราะมีเวลาอยู่ได้นานกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป ขณะที่นักท่องเที่ยวทั่วไป มาเที่ยวแล้วต้องกักตัว 14 วันก่อนจะได้ท่องเที่ยวก็ถือว่าเป็นไปได้ยาก”
อย่างไรก็ตามการปิดประเทศระยะยาวเกิน 3 เดือนเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ ในแง่ของภาคเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และขณะนี้ไทยปิดประเทศไปกว่า 5 เดือนแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน ดังนั้นนับจากนี้รัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นจะต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวให้กลับมา น.พ.บุญ กล่าวทิ้งท้าย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ททท.ผุด 4 โครงการออนไลน์ บูมเที่ยวในประเทศ
จวกรัฐล้มเหลว “ภูเก็ต โมเดล” ธุรกิจโรงแรมวิกฤต
ข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ3609 วันที่13-16 กันยายน 2563